“อัลลอฮุมม่าบิฮักกิมูฮัมหมัด”
นบีอาดัมสารภาพผิดด้วยการตะวัสซุ้ลต่อนบีมูฮัมหมัดจริงหรือ
คำถาม
ขอความกรุณาอาจารย์ฟารีด ช่วยชี้แจงฮาดีสนี้หน่อยครับ
มีผู้รู้ท่านหนึ่งบรรยายในงานโรงเรียนแถวกรุงเทพ ไม่นานมานี้ว่า นาบีอาดำดุอาตะวัสโซ้ลกับนาบีของเราว่า (อัลลอฮุม่าบิหักกิมุหัมหมัด) เขายืนยันว่าซอแฮะด้วย แล้วเขาเอาเทปบรรยายเผยแพร่ตามเวบไซต์ อยากให้อาจารย์ฟังตามลิงค์นี้ครับ
อาจารย์ช่วยตอบหน่อย กลัวพี่น้องเราจะเข้าใจผิด ตอบด่วนนะอาจารย์ ด่วนๆๆๆจริงๆคับ
คำตอบ
ขออนุญาตตัดชื่อผู้บรรยายและสถานที่บรรยายในคำถามออกไป พร้อมทั้งลิงค์ไฟล์เสียงที่แนบมาด้วย เนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึง หรือเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ต่อ ผมขอชี้แจงในแง่มุมทางวิชาการก็น่าจะเพียงพอ
ความจริงแล้วผมไม่ได้รังเกียจในการตอบคำถามแก่ผู้ใฝ่รู้คนใด แต่ภาระหน้าที่รับผิดชอบอยู่มันล้นมือ จนทำให้ไม่มีเวลาพอ และทำให้มีคำถามที่ตกค้างอยู่อีกมาก แต่ก็ลัดคิวตอบให้ตามที่ร้องขอ เนื่องจากเห็นว่า มิใช่เป็นปัญหาส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณผู้ถามที่ส่งไฟล์เสียงมาให้ แต่ผมไม่มีเวลาฟังได้ตลอดจนจบ ต้องขอความกรุณาผู้ถามหรือพี่น้องผู้อ่านท่านอื่น ช่วยแกะไฟล์เสียง โดยเอาเฉพาะที่อ้างเป็นหลักฐาน ส่วนถ้อยคำที่ร้อนหูซึ่งไม่ใช่หลักฐานไม่ต้องส่งมาก็ได้
นบีอาดัมสารภาพผิดโดยตะวัสซุ้ลต่อท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ด้วยคำกล่าวที่ว่า “อัลลอฮุมม่าบิฮักกิมูฮัมหมัด” จริงหรือ นี่คือปัญหาของผู้ถามที่ต้องการคำตอบ
หลักฐานต้นพระเอกของเรื่องนี้คือ ข้อความของฮะดีษดังต่อไปนี้
عبد الرحمن بن زيد بن أسلم عن أبيه عن جده عن عمر بن الخطاب قال : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : لما اقترف آدم الخطيئة قال : يارب أسألك بحق محمد لما غفرت لي فقال الله عزوجل : يا آدم وكيف عرفت محمدا ولم أخلقه قال : لأنك يا رب لما خلقتني بيدك ونفخت في من روحك رفعت رأسي فرأيت على قوائم العرش مكتويا : لا إله إلا الله محمد رسول الله فعلمت أنك لم تضف إلى اسمك إلا أحب الخلق إليك فقال الله عزوجل : صدقت يا آدم إنه لأحب الخلق إلي وإذ سألتني بحقه فقد غفرت لك ولولا محمد ما خلقتك
รายงานจาก อับดุลเราะห์มาน บิน เซด บิน อัสลัม จากพ่อของเขา จากปู่ของเขา จาก อุมัร อิบนุลค๊อตต๊อบ กล่าวว่าท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า : เมื่อครั้งที่อาดัมสารภาพผิด เขากล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลของฉัน, ฉันขอวิงวอนต่อท่านด้วยสิทธิ์ของมูฮัมหมัด ในการที่พระองค์จะให้อภัยโทษแก่ฉัน, อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา กล่าวว่า เจ้ารู้จักมูฮัมหมัด ได้อย่างไร ในเมื่อข้ายังไม่ได้สร้างเขามา เขาตอบว่า โอ้องค์อภิบาลของฉัน แท้จริงขณะที่พระองค์ท่านได้สร้างฉันมาด้วยพระหัตของพระองค์และทรงเป่าวิญญาณของท่านในตัวฉัน, ฉันได้เงยศีรษะของฉันขึ้น แล้วฉันได้เห็นที่ขาบัลลังถูกเขียนไว้ว่า “ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ มูฮัมมะดุรรอซูลุ้ลลอฮ์” ดังนั้นฉันจึงได้รู้ว่า แท้จริงพระองค์ไม่ได้เขียนชื่อของพระองค์ไว้ นอกจากชื่อของผู้เป็นที่รักยิ่ง ณ.ที่พระองค์ ฉะนั้นอัลลอฮ์จึงได้กล่าวว่า ถูกต้องแล้วอาดัมเอ๋ย เขาคือผู้เป็นที่รักยิ่งของข้า และเมื่อเจ้าได้วิงวอนขอต่อข้าด้วยสิทธิ์ของเขา แน่นอนข้าให้อภัยโทษแก่เจ้า และถ้าหากว่าไม่มีมูฮัมหมัด ข้าก็จะไม่สร้างเจ้า
ฮะดีษในเรื่องนี้บางบทอ้างคำรายงานถึงท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม (มัรฟัวอ์) และบางบทอ้างคำรายงานสิ้นสุดที่ ท่านอุมัร อิบนุ้ลค๊อตต๊อบ (เมากูฟ)
ส่วนผู้รายงานในระดับศอฮาบะห์นั้น บางบทอ้างว่า ท่านอุมัร เป็นผู้รายงาน และบางบทอ้างว่า ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนิ อับบาส เป็นผู้รายงาน ดังเช่นที่บันทึกไว้ใน “อัลมุสตั๊ดร๊อค” ของ อัลฮากิม และใน “กันซุลอุมมาน” ลำดับที่ 32137
ในสุนัน อัตฏ๊อบรอนีย์ ได้บันทึกฮะดีษบทนี้ไว้เช่นเดียวกัน แต่มีคำรายงานต่อท้ายว่า “เขา (มูฮัมหมัด) เป็นนบีคนสุดท้ายจากลูกหลานของท่าน (นบีอาดัม)”
วิจารณ์สถานภาพฮะดีษ
อัลฮากิม ได้บันทึกฮะดีษนี้ไว้ใน “อัลมุสตัดร๊อก” ลำดับที่ 4194 และวิจารณ์ท้ายฮะดีษว่า
هذا حديث صحيح الإسناد وهو أول حديث ذكرته لعبد الرحمن بن زيد بن أسلم في هذا الباب
”นี่คือฮะดีษที่สายรายงานถูกต้อง และเป็นฮะดีษบทแรกที่ฉันนำมากล่าวถึง อับดุรเราะห์มาน บินเซด บิน อัสลัม ในหมวดนี้” (อัลมุสต๊ดร๊อก 10/7)
เมื่ออ่านคำวิจารณ์ของ อัลฮากิม โดยผิวเผินแล้วอาจทำให้เข้าใจได้ว่า ฮะดีษบทนี้ศอเฮียะห์ ในขณะที่ อัลบัยฮะกีย์ บันทึกฮะดีษนี้ไว้ใน “ดะลาอิลุ้ลนุบูวะห์” ฮะดีษเลขที่ 2243 ด้วยสายรายงานจาก อะบี อัลฮาริษ อับดุลลอฮ์ อัลฟะฮ์รีย์ ว่า อิสมาอีล อิบนุ มัสละมะห์ เล่าให้เราฟังว่า อับดุรเราะห์มาน บิน เซด บิน อัสลัม ได้บอกกับเราจากพ่อของเขาซึ่งฟังมาจากปู่ของเขา จาก อุมัร อิบนุ้ลค๊อตต๊อบ อ้างถึงท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นสายรายงานเดียวกับ อัลฮากิม และเนื้อหาของฮะดีษก็มีข้อความเดียวกับของอัลฮากิม ตามที่แสดงไว้ข้างต้น แต่อัลบัยฮะกีย์ กลับกล่าวทิ้งท้ายฮะดีษว่า
تفرد به عبد الرحمن بن زيد بن أسلم من هذا الوجه عنه وهو ضعيف
“อับดุรเราะห์มาน บิน เซด บิน อัสลัม ได้รายงานฮะดีษนี้เพียงลำพัง และเขา ฏออีฟ” ดะลาอิลุ้ลนุบูวะห์ 6/118
มิหนำซ้ำ อิบนุ อาซากิร ยังได้นำเอาฮะดีษบทนี้ไปบันทึกไว้เช่นเดียวกัน (2/323/2) และระบุข้อความท้ายฮะดีษว่า : อัลบัยฮะกีย์ กล่าวว่า ฮะดีษบทนี้รายงานเดี่ยวโดย อับดุรเราะห์มาน บิน เซด บิน อัสลัม แต่เขา “ฏออีฟ” จาก ตารีคุ ดิมัชก์ ของ อิบนุ อะซากิร 7/437
ดูเหมือนว่า ความเข้าใจของนักวิชาการเกี่ยวกับฮะดีษบทนี้จะแย้งกัน คือ อัลฮากิม กล่าวว่า “สายรายงานถูกต้อง” แต่ อัลบัยฮะกีย์ กล่าวว่าผู้รายงาน “ฏออีฟ”
ความจริงแล้วคำวิจารณ์ทั้งสองนี้ไม่ขัดแย้งกันเลย เนื่องจากอัลฮากิมวิจารณ์สายรายงานแต่อัลบัยฮะกีย์วิจารณ์ผู้รายงาน
เราเคยกล่าวกันบ่อยครั้งว่า การพิจารณาสถานะของฮะดีษนั้น อาศัยหลักใหญ่ 3 ประการคือ
1 – สายรายงาน
2 – ตัวผู้รายงาน
3 – เนื้อหา หรือคำรายงาน
ซึ่งองค์ประกอบหลักทั้งสามประการนี้จะต้องมีความถูกต้องตามศาสตร์ฮะดีษ หากข้อใดบกพร่องก็จะทำให้ฮะดีษบทนั้นหล่นจากสถานะฮะดีษศอเฮียะห์และฮะซัน กลายเป็น ฏออีฟ และ เมาฏัวอ์ เช่นเดียวกับฮะดีษบทนี้ที่อัลฮากิมได้แจ้งสภาพของสายรายงานว่าถูกต้อง แต่อัลบัยฮะกีย์ได้แจ้งสถานภาพของผู้รายงานว่าฏออีฟ จึงทำให้ฮะดีษบทนี้อยู่ในสถานะฏออีฟ ถึงแม้ว่าจะมีสายรายงานถูกต้องก็ตาม
ดังที่ อัลฮาฟิซ อัสซะฮะบีย์ ได้นำเอาฮะดีษจากอัลมุสตั๊ดร๊อคของอัลฮากิมมาแสดง แล้วกล่าววิจารณ์ต่อท้ายคำวิจารณ์ของอัลฮากิมว่า يل موضوع แปลว่า ทว่ามันเป็นฮะดีษอุปโลกน์ (ดูคำวิจารณ์ของอัสซะฮะบีย์ ลำดับที่ 4228)
เช่นเดียวกับนักวิชาการร่วมสมัย อย่าง เชคอัลบานีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์) ได้บันทึกฮะดีษบทนี้ไว้ใน “ซิลซิละห์ อัลอะฮาดีษ อัตฏออีฟะห์” 1/88 ฮะดีษลำดับที่ 25 แล้วแจ้งสถานะว่า “ฮะดีษอุปโลกน์”
นอกจากนั้นแล้ว อัลฮัยซะมีย์ ได้กล่าวไว้ใน “อัลมัจมะอ์” (8/253) ว่า : อัฏต๊อบรอนีย์ รายงานฮะดีษบทนี้ไว้ “อัลเอาศ๊อฏ” และ “อัศศอฆีร” แต่ในสายรายงานของเขานี้มีบุคคลที่ฉันไม่รู้จักพวกเขาเลย
เราได้รับการชี้แนะจากบรรดานักวิชาการว่า ฮะดีษบทนี้ถึงแม้จะมีสายรายงานดี แต่ตัวผู้รายงานมีปัญหาจนทำให้นักวิชาการตัดสินสถานภาพว่า เป็นฮะดีษ ฏออีฟ, เมาฏัวอ์ คือเป็นฮะดีษอ่อนหรือเก๊เลยทีเดียว แต่เราจะไม่ฟังแค่คำวิจารณ์ของบรรดานักวิชาการเท่านั้น เรายังต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยกับตาว่า ผู้รายงานฮะดีษบทนี้เชื่อถือไม่ได้จริงไหม
วิจารณ์ผู้รายงานฮะดีษ
หนึ่งในผู้รายงานฮะดีษบทนี้ที่อัลบัยฮะกีย์ วิจารณ์ว่า “ฏออีฟ” นั้นคือ อับดุรเราะห์มาน บิน เซด บิน อัสลัม ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมพ่อกับ อับดุลลอฮ์ และ อุซามะห์คือ
อับดุลลอฮ์ บิน เซด บิน อัสลัม
อุซามะห์ บิน เซด บิน อัสลัม
อับดุรเราะห์มาน บิน เซด บิน อัสลัม
ท่านฮาฟิซ อัสซะฮะบีย์ ได้วิจารณ์ไว้ใน มีซานุ้ลเอียะอ์ติดาล ลำดับผู้รายงานที่ 4868 ว่า :
“อบูยะอ์ลา อัลเมาศิลีย์ กล่าวว่า ฉันเคยได้ยิน ยะห์ยา บิน มะอีน กล่าวว่า ลูกๆ ของ เซด บิน อัสลัม นั้นไม่มีผู้ใดเชื่อถือได้เลย
และ อุสมาน อัตดาริมีย์ รายงาน จาก ยะห์ยา ว่า : ฏออีฟ
อิหม่ามบุคอรี กล่าวว่า : อับดุรเราะห์มานนั้น ฉันถือว่าเขาฏออีฟมากๆ
อิหม่ามอะห์หมัด กล่าวว่า : อับดุลลอฮ์ นั้นเชื่อถือได้ แต่อีกสองคน (คือ อุซามะห์ และ อับดุรเราะห์มาน) ฏออีฟทั้งคู่” มีซานุ้ลเอียะอ์ติดาล เล่มที่ 2 หน้าที่ 564
อิบนุ ฮะญัร อัลอัสกอลานีย์ ได้วิจารณ์ไว้ “ตั๊กรีบุตตะฮ์ซีบ” ลำดับที่ 3879 ว่า : “เขาเป็นผู้รายงานที่ฏออีฟ” ตั๊กรีบุตตะฮ์ซีบ เล่มที่ 1 หน้าที่ 570
อิบนุ ฮิบบาน ได้วิจารณ์ไว้ใน “อัลมัจรูฮีน” ว่า : “อับดุรเราะห์มาน บิน เซด บิน อัสลัม เป็นคนรับใช้ของ อิบนิ อุมัร เป็นชาวเมืองมะดีนะห์ รายงานเรื่องที่ได้ยินจากพ่อของเขา (คือเซด บิน อัสลัม) และชาวอิรัค กับชาวเมืองมะดีนะห์ นำฮะดีษของเขาไปรายงานต่ออีกทอดหนึ่ง เขาเสียชีวิตในปีที่ 182 ฮิจเราะห์ศักราช และเขาเป็นผู้หนึ่งที่สลับสายรายงานจนกระทั่ง การรายงานของเขาส่วนมากจะอ้างถึงท่านนบีโดยกระโดดข้ามศอฮาบะห์ หรือสายรายงานสิ้นสุดแค่ศอฮาบะห์ ดังนั้นสมควรที่จะต้องละทิ้ง” อัลมัจรูฮีน เล่มที่ 2 หน้าที่ 57
ที่กล่าวมานี้เพียงพอแล้วที่จะยืนยันตามการอ้างของอัลบัยฮะกีย์ว่า อับดุรเราะห์มาน บิน เซด บิน อัสลัม เป็นผู้รายงานที่ “ฏออีฟ” จึงทำให้ฮะดีษบทนี้อยู่ในสถานะฏออีฟด้วยเหตุจากตัวผู้รายงาน แม้ว่าสายรายงานจะดีก็ตาม
อีกรายงานหนึ่งจาก อบี มัรวาน อัลอุสมานีย์ กล่าวว่า : พ่อของฉันคือ อุสมาน บินคอลิด ได้เล่าให้ฉันฟัง (ในบันทึกต้นเดิมใช้คำว่า : ลูก ซึ่งเป็นการอ้างผิด) จาก อับดุรเราะห์มาน บิน อบี อัซซินาด จาก พ่อของเขา กล่าวว่า “จากถ้อยคำที่อัลลอฮ์ได้ทรงอภัยโทษให้แก่อาดัม อลัยฮิสสลาม คือถ้อยคำที่เขากล่าวว่า
اللهم إني أسألك بحق مجمد
“โอ้ข้าแต่อัลลอฮ์ แท้จริงฉันขอวิงวอนต่อท่านด้วยสิทธิ์ของมูฮัมหมัด”
ฮะดีษบทนี้เป็นฮะดีษ “เมากูฟฏออีฟ” คืออ้างคำรายงานสุดแค่ศอฮาบะห์และอยู่ในสถานะฏออีฟ เนื่องจาก อุสมาน บิน คอลิด และ ลูกชายของเขาคือ อบี มัรวาน นั้น พ่อลูกคู่นี้ฏออีฟ ไม่สามารถอ้างเป็นหลักฐานได้
ท่านฮาฟิซ อัสซะฮะบีย์ กล่าววิจารณ์ใน “มีซานุ้ลเอียะอ์ติดาล” ลำดับที่ 5498 ว่า “ อุสมาน บิน คอลิด อัลอุสมานีย์ ลูกชายของเขาคือ อบี มัรวาน
อิหม่ามบุคอรี กล่าวว่า ฏออีฟ เขารายงานฮะดีษมุงกัรมากมาย ส่วนท่านอื่นๆวิจารณ์ว่า อุสมาน บิน คอลิด บิน อุมัร บิน อับดิลลาฮ์ อิบนุ้ลวะลีด บิน อุสมาน บิน อัฟฟาน มีฉายาว่า อบูอัฟฟาน รายงานจาก อิบนุ อบีซซินาด และมาลิก และคนอื่นๆ
อบู ฮาติม กล่าวว่า ฮะดีษของเขามุงกัร และ อิบนุ ฮิบบาน กล่าวว่า ไม่อนุญาตให้เขาเอาฮะดีษของเขาไปอ้างเป็นหลักฐาน” มีซานุ้ลเอียะอ์ติดาล เล่มที่ 3 หน้าที่ 32
อิบนุ ฮิบบาน กล่าววิจารณ์ไว้ใน “อัลมัจรูฮีน” ว่า “อุสมาน บิน คอลิด บิน อุมัร บิน อับดิลลาฮ์ อิบนุ้ลวะลีด บิน อุสมาน บิน อัฟฟาน อัลอุสมานีย์ มีฉายาว่า “อบูอัฟฟาน” เป็นเมืองมะดีนะห์ รายงานฮะดีษจากมาลิก และ อิบนุ อบีซซินาด และชาวอิรัคเอาฮะดีษของเขาไปรายงานต่ออีกทอดหนึ่งเช่น อัลฮุเซน บิน อบีเซด อัตดิบาอ์ และคนอื่นๆ เขาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่มั่วในการแอบอ้างสายรายงานที่เชื่อถือได้ ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้นำเอาฮะดีษที่เขารายงานไปอ้างเป็นหลักฐาน” อัลมัจรูฮีน เล่มที่ 2 หน้าที่ 102
เพราะฉะนั้น ฮะดีษที่นำมาอ้างว่า ท่านนบีอาดัมสารภาพผิดโดยการตะวัสซุ้ลต่อท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม นั้นจึงไม่มีหลักฐานที่ถูกต้องเลย
ความจริงแล้วถ้อยคำที่นบีอาดัมสารภาพผิด คือถ้อยคำที่ท่านได้เรียนรู้จากพระองค์อัลลอฮ์ ไม่ได้เกิดจากการที่ท่านนบีอาดัมคิดเอาเองตามการอ้างของฮะดีษที่ได้วิจารณ์นี้ พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า
فَتَلَقَّى آدَمُ مِن رَّبِّهِ كَلِمَاتٍ فَتَابَ عَلَيْهِ إنَّهُ هُوَ التَّوَّابُ الرَّحِيْمِ
“ต่อมาอาดัมได้เรียนรู้ถ้อยคำวิงวอนจากองค์อภิบาลของเขา แล้วพระองค์ก็อภัยโทษแก่เขา แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา” ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 37
และถ้อยคำที่นบีอาดัมกล่าววิงวอนขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์นั้นคือ ข้อความที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงแจ้งให้ทราบในซูเราะห์อัลอะอ์รอฟ ดังนี้
قَالاَ رَبَّنَا ظَلَمْنَا أنْفُسَنَا وَإنْ لَمْ تَغْفِرْلَنَا وَتَرْحَمْنَا لَنَكُوْنَنَّ مِنَ الْخَاسِرِيْنَ
“ทั้งสองได้กล่าวว่า องค์อภิบาลของเราเอ๋ย เราได้อธรรมต่อตัวของพวกเราเอง และหากพระองค์ไม่อภัยและเมตตาแก่พวกเรา เราก็จะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน” ซูเราะห์ อัลอะอ์รอฟ อายะห์ที่ 23
เราไม่ทราบว่า เพราะเหตุใด ตัวบทหลักฐานที่ถูกต้องจากอัลกุรอานจึงไม่ใส่ใจที่จะยึดถือ แต่กลับไขว่คว้าฮะดีษอุปโลกน์มาอ้างเป็นหลักฐานแล้วยึดถือกันอย่างเหนียวแน่น ขออัลลอฮ์ทรงคุ้มครองผู้ศรัทธาให้รอดพ้นจากการหลงผิดด้วยเถิด