มุสลิม/หมวดที่1/บทที่43/ฮะดีษเลขที่ 0178
عَنْ صَفْوَانَ بْنِ مُحْرِزٍ، أَنَّهُ حَدَّثَ أَنَّ جُنْدَبَ بْنَ عَبْدِ اللَّهِ الْبَجَلِيَّ بَعَثَ إِلَى عَسْعَسِ بْنِ سَلاَمَةَ زَمَنَ فِتْنَةِ ابْنِ الزُّبَيْرِ فَقَالَ اجْمَعْ لِي نَفَرًا مِنْ إِخْوَانِكَ حَتَّى أُحَدِّثَهُمْ . فَبَعَثَ رَسُولاً إِلَيْهِمْ فَلَمَّا اجْتَمَعُوا جَاءَ جُنْدَبٌ وَعَلَيْهِ بُرْنُسٌ أَصْفَرُ فَقَالَ تَحَدَّثُوا بِمَا كُنْتُمْ تَحَدَّثُونَ بِهِ . حَتَّى دَارَ الْحَدِيثُ فَلَمَّا دَارَ الْحَدِيثُ إِلَيْهِ حَسَرَ الْبُرْنُسَ عَنْ رَأْسِهِ فَقَالَ إِنِّي أَتَيْتُكُمْ وَلاَ أُرِيدُ أَنْ أُخْبِرَكُمْ عَنْ نَبِيِّكُمْ إِنَّ رَسُولَ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم بَعَثَ بَعْثًا مِنَ الْمُسْلِمِينَ إِلَى قَوْمٍ مِنَ الْمُشْرِكِينَ وَإِنَّهُمُ الْتَقَوْا فَكَانَ رَجُلٌ مِنَ الْمُشْرِكِينَ إِذَا شَاءَ أَنْ يَقْصِدَ إِلَى رَجُلٍ مِنَ الْمُسْلِمِينَ قَصَدَ لَهُ فَقَتَلَهُ وَإِنَّ رَجُلاً مِنَ الْمُسْلِمِينَ قَصَدَ غَفْلَتَهُ قَالَ وَكُنَّا نُحَدَّثُ أَنَّهُ أُسَامَةُ بْنُ زَيْدٍ فَلَمَّا رَفَعَ عَلَيْهِ السَّيْفَ قَالَ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ . فَقَتَلَهُ فَجَاءَ الْبَشِيرُ إِلَى النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم فَسَأَلَهُ فَأَخْبَرَهُ حَتَّى أَخْبَرَهُ خَبَرَ الرَّجُلِ كَيْفَ صَنَعَ فَدَعَاهُ فَسَأَلَهُ فَقَالَ " لِمَ قَتَلْتَهُ " . قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهَ أَوْجَعَ فِي الْمُسْلِمِينَ وَقَتَلَ فُلاَنًا وَفُلاَنًا - وَسَمَّى لَهُ نَفَرًا - وَإِنِّي حَمَلْتُ عَلَيْهِ فَلَمَّا رَأَى السَّيْفَ قَالَ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ . قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم " أَقَتَلْتَهُ " . قَالَ نَعَمْ . قَالَ " فَكَيْفَ تَصْنَعُ بِلاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ إِذَا جَاءَتْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ " . قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ اسْتَغْفِرْ لِي . قَالَ " وَكَيْفَ تَصْنَعُ بِلاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ إِذَا جَاءَتْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ " . قَالَ فَجَعَلَ لاَ يَزِيدُهُ عَلَى أَنْ يَقُولَ " كَيْفَ تَصْنَعُ بِلاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ إِذَا جَاءَتْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ " .
ซอฟวาน บินมัวฮ์ริส รายงานว่า แท้จริงญุนดุ๊บ บินอับดิลลาฮ์ อัลบะญะลีย์ ได้ส่งข้อความให้ อัสอัส บินซะลามะห์ เมื่อครั้งเกิดความวุ่นวายกรณีของอิบนุซุบัยร์ โดยมีข้อความว่า มีพี่น้องของท่านกลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกันที่ฉันเพื่อขอให้ฉันเจรจากับพวกเขา, ดังนั้นเขา (อัสอัส) จึงได้ส่งตัวแทนไปร่วมเจรจากับคนกลุ่มนั้นด้วย
เมื่อพวกเขาได้ชุมนุมกันอีก ญุนดุ๊บก็มา (ที่ชุมนุม) โดยใส่ชุดคลุมที่มีหมวกสีเหลืองมาด้วย เขากล่าวว่า พวกเจ้าลองพูดในสิ่งที่พวกเจ้าพูดกันซิ โดยพูดทีละคน เมื่อพวกเขาได้สาธยายกันครบถ้วนแล้ว (ญุนดุ๊บ) ก็ถอดหมวกคลุมศีรษะของเขาออก แล้วกล่าวว่า ที่ฉันมาพบพวกเจ้านี้ ฉันไม่ปรารถนาอื่นใด แต่เพื่อจะบอกกับพวกเจ้าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับนบีของพวกเจ้า
แท้จริงท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้ส่งกองกำลังมุสลิมไปยังกลุ่มชนที่ตั้งภาคี เมื่อกองทัพทั้งสองประจัญบานกัน ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งจากบรรดาผู้ตั้งภาคี ที่ตั้งใจฆ่ามุสลิมคนใดเขาก็จะจู่โจมไปที่มุสลิมคนนั้นแล้วฆ่าโดยทันที แต่นักรบมุสลิมคนหนึ่งตั้งใจที่จะจู่โจมตอนเขาเผลอ เขาเล่าว่า พวกเรากล่าวกันว่านักรบมุสลิมคนนั้นคือ อุซามะห์บินเซด ขณะที่เขายกดาบขึ้น ชายผู้นั้นก็กล่าวปฏิญาณว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ แต่แล้วอุซามะห์ก็สังหารเขา
เมื่อผู้แจ้งข่าวชัยชนะของกองทัพมุสลิมมาถึงท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้ถามถึงสถานการณ์ และเขารายงานให้ท่านทราบ แม้กระทั่งเรื่องของชายผู้นี้ (อุซามะห์) ว่าเขาทำอย่างไร ท่านรอซูลจึงได้เรียกหาเขา แล้วสอบถามเขา โดยท่านกล่าวว่า ทำไมถึงสังหารเขา เขาตอบว่า โอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ์ เขาโจมตีบรรดามุสลิมอย่างหนัก เขาฆ่าคนนั้น คนนี้ แล้วเขาเอ่ยชื่อผู้ถูกฆ่าให้ท่านรอซูลฟัง แต่เมื่อฉันรุกเขาและเขาได้เห็นดาบนี้ เขาก็กล่าวว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า เจ้าสังหารเขาหรือ เขาตอบว่า ใช่ครับ ท่านกล่าวว่า แล้วเจ้าจะทำอย่างไรกับคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ ในวันกิยามะห์ เขากล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลอฮ์ ขออภัยโทษให้ฉันด้วยเถิด ท่านกล่าวอีกว่า เจ้าจะทำอย่างไรกับคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ เมื่อวันกิยามะห์มาถึง เขากล่าวว่า ท่านไม่ได้เพิ่มมากไปกว่าการที่ท่านกล่าวว่า เจ้าจะทำอย่างไรกับคำว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ เมื่อวันกิยามะห์มาถึง
|
|