ทำบุญประเทศ
สะเดาะเคราะห์,ดวงเมืองอันตราย
มีสมาชิกได้ตั้งกระทู้ไว้ที่เวบมรดกว่า เขาจะทำบุญสะเดาะเคราะห์ประเทศครั้งใหญ่ ผมได้อ่านหัวข้อนี้ผ่านเลยไปโดยคิดว่าเขาทำก็เรื่องของเขา ไม่เห็นเกี่ยวกับเรา แต่พอได้เข้าไปอ่านเนื้อความกลับพบว่า เขาทำนั้น ไม่ใช่เฉพาะคนที่ไม่ใช่มุสลิมเพียงอย่างเดียว แต่กลายเป็นมุสลิมร่วมทำพิธีสะเดาะเคราะห์กับเขาด้วย และเมื่อติดตามข้อมูลต่อไปก็พบว่าเป็น พิธีสยามมงคล สะเดาะเคราะห์ดวงเมืองอันตราย พร้อมทั้งแผนภูมิปริมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ประกอบด้วย ศาสนาพุทธ,คริสต์,อิสลาม และมีรายละเอียดของพิธีการประกอบ โดยในซีกของศาสนาอิสลามประกอบด้วย อิสลามจากสี่ภาคๆละ 24 ท่านรวมเป็น 96 ท่าน และที่ปริมณฑลท้องสนามหลวงอีก 12 ท่าน รวมทั้งหมด 108 ท่าน และในส่วนกลางของปริมณฑลท้องสนามหลวงเป็นสถานที่ตั้ง พระสยามเทวาทิราช,พระเสื้อเมืองพระทรงเมือง,พระเยซูคริสต์ และ พระอัลเลาะห์ อีกด้วย
ตกใจครับ !! ด้วยข้อความในแผนภูมิ ปรากฏมีที่สถิตย์พระอัลลอฮ์ร่วมกับพระสยามเทวาทิราช,พระเสื้อเมืองพระทรงเมือง,พระเยซูคริสต์ ซึ่งผมเข้าใจว่า ผู้ที่คิดค้นพิธีของงานมีความหวังดีแต่ไม่มีความรู้เรื่องศาสนาอิสลามเลย จึงกลายเป็นการจาบจ้วงล่วงเกินพระเจ้าที่บรรดามุสลิมทั้งโลกสักการะ
แปลกใจครับ !! วันนี้ผู้รู้หรือผู้นำมุสลิมหายไปไหนกันหมด เหตุใดจึงไม่มีผู้ชี้แจงขอบเขตของศาสนาให้พวกเขาได้ทราบ ไม่ใช่มุสลิมจะไม่รักแผ่นดินนี้ แต่ความรักต้องอยู่ในกรอบของศาสนา และมุสลิมต้องรักศาสนา ไม่ใช่จะปล่อยให้ใครนำพาไปเช่นไรก็ได้ เช่นในภาคพิธีกรรมของศาสนาอื่นประกอบด้วย พระสงฆ์สวดนพเคราะห์บูชา 108 รูป ใช้เทียน 108 เล่ม ธูป 108 ดอก แล้วก็โต๊ะอิหม่ามอิสลามรวม 108 ท่าน ซึ่งผมไม่ทราบรายชื่อว่ามีอิหม่ามท่านใดบ้างที่จะร่วมทำพิธีในครั้งนี้
สำหรับคนที่ไม่ใช่มุสลิมจะกระทำหรือร่วมในพิธีกรรมดังกล่าวนี้หรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของท่านที่จะทำตามความเชื่อของศาสนาที่ท่านนับถืออยู่ซึ่งเราไม่อาจก้าวก่าย แต่ถ้ามุสลิมจะกระทำหรือร่วมพิธีดังปรากฏตามที่ปรากฏก็เป็นหน้าที่ของเราจะต้องบอกกล่าวตักเตือนพี่น้องร่วมศาสนาถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อมุสลิมและศาสนาอิสลาม ด้วยเหตุที่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่เราจะมองข้ามไป แต่การกระทำเช่นนี้ถูกเรียกว่า ชิรก์ หมายถึงการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ มีผลทำให้ผู้ปฏิบัติสิ้นสภาพจาการเป็นมุสลิม ซึ่งเรื่องนี้เราไม่อาจนิ่งเฉยเพราะ
ประการที่หนึ่ง
เรื่องโหราศาสตร์
เป็นที่ทราบแล้วว่าที่มาของพิธีสยามมงคล สะเดาะเคราะห์ดวงเมือง นั้นมีที่มาจากความเชื่อด้านโหราศาสตร์ ที่ทำนายทายทักดวงเมืองอันตราย ต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์
เรื่องของโหราศาสตร์นี้เป็นที่ต้องห้ามในอิสลาม ซึ่งไม่ได้หมายความว่าปฏิเสธเรื่องโหราศาสตร์ไม่มี แต่อิสลามสอนว่ามันเป็นศาสตร์แห่งมาร จึงห้ามมุสลิมกระทำตนเป็นโหร หรือเชื่อในคำทำนายทายทักของโหร
ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า
مَنْ أتَى كَاهِنًا أوْ عَرَّافًا فَصَدَّقَهُ بِمَا يَقُوْلُ فَقَدْ كَفَرَ بِمَا أُنْزِلَ عَلىَ مُحَمَّدٍ صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ
ผู้ใดที่หาหมอดูแล้วเชื่อในคำทำนายของเขา แน่นอนว่าเขาได้ปฏิเสธ (อัลกุรอาน) ที่ถูกประทานลงมาให้แก่มูฮฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม มุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด เลขที่ 9171
ประการที่สอง... การสะเดาะเคราะห์...
อิสลามไม่ได้สอนเรื่องสะเดาะเคราะห์ แต่สอนให้มุสลิมรู้จักการมอบหมายต่อพระเจ้า โดยผู้มีหน้าที่ใดก็ต้องทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุดแล้วมอบหมายต่อพระเจ้า แม้กระทั่งชีวิตของเขาเองและสิ่งต่างๆ ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งถูกสร้างและเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้าทั้งสิ้น แต่มนุษย์อยู่ในฐานะครอบครองชั่วคราวเท่านั้น และเมื่อเหตุใดๆ ประสบแก่มุสลิม เขาก็เชื่อว่าเป็นบททดสอบจากพระเจ้า พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงตรัสว่า
وَلَنَبْلُوَنَّكُمْ بِشَئٍّ مِنَ الخَوْفِ وَالجُوْعِ وَنَقْصٍ مِنَ الأمْوَالِ وَالأنْفُسِ وَالثَمَرَاتِ وَبَشِّرِ الصَابِرِيْنَ الَّذِيْنَ
اِذَا أَصَابَتْهُمْ مُصِيْبَةٌ قَالُوا اِنَّا للهِ وَاِنَّا اِلَيْهِ رَاجِعُوْنَ
และแน่นอน เราจะทบสอบพวกเจ้าด้วยสิ่งหนึ่งจากความกลัว,ความหิว, จากการสูญเสียทรัพย์สิน, ชีวิต และพืชผล และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้อดทน คือบรรดาผู้ซึ่งภัยพิบัตประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า เราเป็นกรรมสิทธิ์แห่งอัลลอฮ์ และเราต้องกลับคืนสู่พระองค์ ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 155 ,156
เมื่อมุสลิมประสบกับกับบททดสอบใดๆ ก็ต้องหนักแน่นและอดทน โดยพวกเขาจะไม่ละเลยในสถานภาพของมุสลิม พร้อมกับจะวิงวอนขอต่อพระเจ้าให้ทดแทนในสิ่งที่ดีกว่า และนี่เป็นหน้าที่และจุดยืนที่มั่นคงของผู้ศรัทธา ฉะนั้นเราจึงได้ยินถ้อยคำที่ติดปากมุสลิมอยู่เสมอว่า อินนาลิ้ลลาฮิวะอินนาอิลัยฮิรอญีอูน แปลว่า เราเป็นกรรมสิทธิ์แด่อัลลอฮ์และเราต้องกลับคืนสู่พระองค์
ประการที่สาม
ดวงเมืองอันตราย...
เดือนและดาวไม่เกี่ยวข้องกับการลิขิตชะตาชีวิตของมนุษย์ และมันไม่มีอำนาจด้วยตัวของมันเองที่จะกำหนดให้สรรพสิ่งต่างๆ เป็นไปตามกฏเกณฑ์ เพราะมันเองก็เป็นสิ่งถูกสร้าง และถูกกำหนดให้โคจรตามวิถีของมัน พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
كُلُّ فِي فَلَكٍ يَسْبَحُوْنَ
ทุกส่วนในห้วงเวหาต่างก็โคจรตามจักรราศี ซูเราะห์อัลอัมบิยาอ์ อายะห์ที่ 33
ด้วยเหตุนี้การเอาชะตาชีวิต,ชะตาเมืองไปผูกกับเดือนดาวต่างๆ โดยเข้าใจว่ามันมีอำนาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นความเชื่อที่ขัดกับคำสอนของอัลอิสลาม
ท่านเซด บินคอลิด อัลญุฮันนีย์ ได้รายงานว่า
صَلَّى لَنَا رَسُوْلُ اللهِ صَلىَ اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ صَلاَة َالصُبْحِ بِالْحُدَيْبِيَةِ عَلىَ اِثْرِ سَمَاءِ كَانَتْ مِنَ اللَيْلَةِ
فَلَمَّا انْصَرَفَ أقْبَلَ عَلىَ النَاسِ فَقَالَ هَلْ تَدْرُوْنَ مَاذَا قَالَ رَبُّكُمْ قَالُوا اللهُ وَرَسُوْلُهُ أَعْلَمُ قَالَ أصْبَحَ
مِنْ عِبَادِيْ مُؤْمِنٌ بِي وَكاَفِرٌ فَأمَّا مَنْ قَالَ مُطِرْنَا بِفَضْلِ اللهِ وَرَحْمَتِهِ فَذَلِكَ مُؤْمِنٌ بِي وَكاَفِرٌ
بِالكَوْكَبِ وَأمَّا مَنْ قَالَ مُطِرْنَا بِنَوْءِ كَذَا وَكَذَا فَذَلِكَ كاَفِرٌ بِي وَمُؤْمِنٌ بِالكَوْكَبِ
ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ได้นำพวกเราละหมาดซุบฮิที่ ฮุดัยบียะห์ ขณะยังคงมีร่องรอยของฝนที่ตกลงมาเมื่อคืน เมื่อเสร็จแล้วท่านก็หันหน้ามาหามวลชนแล้วกล่าวว่า พวกท่านทั้งหลายรู้ไหมว่าองค์อภิบาลของพวกท่านกล่าวเช่นใด พวกเขาตอบว่า อัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์เท่านั้นที่รู้ดียิ่ง (ท่านกล่าวต่อไปว่า) พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า ส่วนหนึ่งจากบ่าวของข้าตื่นขึ้นมามีทั้งผู้ศรัทธาและผู้ปฏิเสธการศรัทธา โดยผู้ใดกล่าวว่าฝนที่ตกแก่พวกเราด้วยความโปรดปราณและความเมตตาของอัลลอฮ์ นั่นแหละคือผู้ศรัทธาต่อข้าและปฏิเสธการศรัทธาต่อดวงดาว ส่วนผู้ที่กล่าวว่าฝนที่ตกลงมาด้วยอิทธิพลของดาวดวงนั้นดวงนี้ นั้นแหละเขาเป็นผู้ปฏิเสธการศรัทธาต่อข้า แต่เป็นผู้ศรัทธาต่อดวงดาว มุตตะฟะกุนอลัยฮิ เลขที่ 46
ประการที่สี่ ...ปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคา...
วันที่ 3 มีนาคม 2550 บังเกิดจันทรุปราคามืดดวง (Total Lunar Eclipse) กึ่งกลางคราสเกิดเวลา 06.19 นง ในราศีสิงห์ เห็นได้ที่สหรัฐอเมริกา ยุโรป เอฟริกา และเอเชีย
วันที่ 19 มีนาคม 2550 เกิดสุริยุปราคาเป็นบางส่วน (Partial Solar Eclipse) กึ่งกลางคราสเกิดเวลา 09.44 น. ในราศีมีนเห็นได้ที่เอเชีย และอลาสกา เป็นต้น ดังนั้น จึงเห็นควรรีบทำเป็นการแก้อุคนิมิตนี้เป็นการด่วนที่สุด
การทำพิธีนี้กำหนด 12 วันติดต่อกันคือกำลังพระราหูนั่นเอง
ควรทำพิธีในวันพุธที่ 31 มกราคม 2550 เป็นปฐมเริ่มแรกวันเพื่อประสงค์ต้องการให้พระราหูเป็นศรี
ที่จริงแล้วความเชื่อเกี่ยวกับดาวราหูนั้นเป็นความเชื่อสมมติ และดาวราหูก็เป็นดาวสมมติ ที่ไม่มีตัวตนในจักรวาล แต่เป็นสัญลักษณ์ของความมืด ที่ภาษาชาวบ้านเรียกกันว่า ราหูอมจันทร์ และด้วยเหตุที่เกรงว่าราหูจะไม่ยอมคลาย จึงได้ยิงปืน,จุดประทัด, ตีปี๊บ, เคาะไม้ เพื่อให้ราหูตกใจจะได้คลายจันทร์ แล้วก็ทำขนมดำ 8 อย่างถวาย
ความเชื่อและการบวงสรวงดาวราหูนี้เป็นสิ่งที่ต้องห้ามในศาสนาอิสลาม เพราะเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นในยุคที่ท่านศาสนทูตมูฮัมหมัดประกาศอิสลาม และในวันที่เกิดสุรยุปราคานั้นเป็นวันที่ลูกชายของท่านชื่ออิบรอฮีมเสียชีวิต จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า เพราะลูกชายศาสนทูตเสียชีวิตจึงทำให้เกิดสุริยุปราคา และบ้างก็ว่าเพราะเกิดสุริยุปราคาจึงทำให้ลูกชายของท่านทูตเสียชีวิต แต่ท่านศาสนทูตก็มิได้จัดการศพลูกชายของท่านด้วยตัวเอง ทว่าท่านได้นำประชาชนละหมาด เสร็จแล้วก็แสดงธรรมนานมาก โดยมีเนื้อหาเน้นย้ำว่า
اِنَّ الشَمْسَ وَالقَمَرَمِنْ آيَاتِ اللهِ لاَ يَنْخَسِفَانِ لِمَوْتِ أَحَدٍ وَلاَ لِحَيَاتِهِ فَاِذَا رَأيْتُمُوهُمَا فَكَبِّرُوا وَادْعُوا
اللهَ وَصَلُّوا وَتَصَدَّقُوا
แท้จริงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั้นเป็นหนึ่งในสัญญาณแห่งอัลลอฮ์ มันไม่คราสเพราะการเป็นหรือการตายของผู้ใด ดังนั้นเมื่อพวกท่านทั้งหลายได้เห็นสุริยุปราคาหรือจันทรุกราคาก็จงกล่าวตั๊กบีร (ประกาศความยิ่งใหญ่แห่งอัลลอฮ์) และพวกเจ้าจงขอพรต่ออัลลอฮ์ ,ทำการละหมาด และจงบริจาคกันเถิด ศอเฮียะห์มุสลิม เลขที่ 1499
เท่าที่ได้เห็นข้อมูลก็คือแผนภูมิและรูปแบบพิธีของศาสนนิกอื่น แต่ไม่ทราบข้อมูลว่า มุสลิมจะทำพิธีนี้ด้วยวิธีการใด หรือจะเข้าร่วมพิธีนี้อย่างไร เพราะเมื่อพิธีเช่นนี้เป็น ชิรก์ หมายถึงการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ที่มีผลทำให้สิ้นสภาพจาการเป็นมุสลิม ก็เป็นที่ต้องห้ามแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งมวล และไม่ว่าอิหม่ามท่านใด,หรือผู้รู้ท่านใดจะกระทำหรือร่วมพิธี ก็จะไม่ทำให้ งานชิรก์เช่นนี้กลายเป็น ฮะล้าล หรือเป็นที่อนุมัติไปได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นที่มุสลิมจะต้องออกห่าง
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved. ติดประกาศ: 2007-01-29 (7731 ครั้ง) [ ย้อนกลับ ] |