หลังจากท่านรอซูลได้สิ้นชีวิต ประชาติอิสลามได้ให้สัตยาบันต่อท่านอบูบักร์ ท่านอุมัร,ท่านอุสมาน และท่านอาลี เป็นผู้ปกครองอาณาจักรอิสลามตามลำดับ โดยทั้งสี่ท่านนี้ต่างก็ให้การยอมรับซึ่งกันและกัน แม้กระทั่งท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ ที่ชีอะฮ์ยกให้เป็นอิหม่ามคนแรก ก็ได้ให้สัตยบันต่อคอลีฟะห์ทั้ง 3 ก่อนหน้าท่านด้วย
แต่กลุ่มชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองได้อ้างว่า ผู้ปกครองต่อจากท่านนบีนั้นจะต้องได้มาจากการที่ศาสนาตั้ง โดยมีคำสั่งศาสนาจากอัลกุรอานและจากฮะดีษของท่านนบี มิใช่จะคัดเลือกกันเองหรือจะให้สัตยาบันแก่ผู้ใดก็ได้ตามใจชอบ และบุคคลที่ศาสนาตั้งให้ทำหน้าที่ผู้นำต่อจากท่านนบีโดยพลันก็คือ ท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ และวงศ์วานของท่านในลำดับต่อมา ดังนั้นบรรดาผู้ทำหน้าที่ผู้ปกครองอาณาจักรอิสลามก่อนท่านอาลีทั้งสามท่าน ไม่ว่าจะเป็นท่านอบูบักร์,ท่านอุมรั และท่านอุสมาน จึงไม่ได้รับความชอบธรรมเพราะได้แย่งชิงตำแหน่งคอลีฟะห์ต่อจากนบีไปจากท่านอาลี ซึ่งเป็นการขัดคำสั่งศาสนา นี่คือคำกล่าวอ้างของลัทธิชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง
เมื่อเหล่าชีอะฮ์อ้างว่า ผู้ปกครองต่อจากนบีต้องเป็นท่านอาลีโดยพลันจะมีผู้อื่นมาขั้นไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะมีตัวบทหลักฐานทางศาสนาระบุไว้เช่นนั้น ฉะนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามแสวงหาอายะห์อัลกุรอานและฮะดีษของท่านนบีมาเป็นหลักฐานให้แก่ทัศนะของตัวเอง ทั้งนี้เพื่อให้สมกับข้ออ้างของพวกเขาที่ว่า ศาสนาแต่งตั้ง หมายถึงอัลลอฮ์และรอซูลได้แต่งตั้งไว้แล้ว ซึ่งข้ออ้างของพวกเขาจะเป็นจริงหรือเท็จ เราก็ต้องไปติดตามดูหลักฐานทั้งจากอัลกุรอานและฮะดีษของท่านรอซูลที่พวกเขานำมาแสดง
แต่เรามีข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า หากการแต่งตั้งผู้ปกครองสืบต่อจากท่านรอซูลเป็นข้อบัญญัติของศาสนาอย่างที่ชีอะฮ์ได้อ้างจริงแล้วเพราะเหตุใดท่านอาลีจึงได้บ่ายเบี่ยงโดยกล่าวว่า
دعوني والتمسوا غيري
“อย่ามายุ่งกับฉันเลยพวกเจ้าไปหาคนอื่นเถอะ” นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ หน้าที่ 136
ทำไมท่านอาลีถึงปฏิเสธ ถ้าหากมีคำสั่งจากอัลลอฮ์และรอซูลมาก่อนแล้วว่าให้ท่านเป็นคอลีฟะห์ต่อจากท่านนบีโดยพลัน แต่ถ้าชีอะฮ์ตอบว่า ท่านอาลีถ่อมตนแสดงมารยาทในการรับตำแหน่งคอลีฟะห์ ถ้าเช่นนั้นเราจะกล่าวได้ไหมว่า ท่านอาลีแสดงมารยาทในการปฏิเสธและฝ่าฝืนข้อบัญญัติศาสนา หรือคำกล่าวของชีอะฮ์ที่ว่า ผู้นำต้องเป็นบุคคลที่มาจากการแต่งตั้งด้วยหลักฐานศาสนา เป็นเรื่องอุปโลกน์ที่ชีอะฮ์แอบอ้างโดยท่านอาลีมิได้เข้าใจเช่นนั้น
และถ้าท่านอาลีได้รับคำสั่งจากอัลลอฮ์และหรือรอซูลไว้แล้ว เพราะเหตุใดท่านอาลีจึงให้สัตยาบันต่อท่านอบูบักร์,ท่านอุมัร และท่านอุสมานในการดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ หรือว่าท่านอาลีไม่มีความสามารถ ถ้าเช่นนั้นแล้วผู้ที่อยู่ในสภาพที่ไร้ความสามารถจะเป็นอิหม่ามได้หรือ แต่ถ้าท่านอาลีมีความสามารถแต่ไม่ยอมรับตำแหน่งก็เท่ากับท่านอาลีเป็นผู้บิดพลิ้วและฝ่าฝืนศาสนา ถ้าเช่นนั้นผู้บิดพลิ้วและผู้ฝ่าฝืนศาสนาจะเป็นอิหม่ามได้หรือ แล้วเช่นใดเล่าที่ชีอะฮ์กล่าวว่า บรรดาอิหม่ามนั้นบริสุทธิ์ปราศมลทิน หรือชีอะฮ์จะยัดเยียดเรื่องอุปโลกน์ให้แก่ท่านอาลี
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ หากมีตัวบทหลักฐานจริงอย่างที่ชีอะฮ์อ้าง แม้จะเป็นเพียงอัลกุรอานสักอายะห์เดียว หรือเพียงฮะดีษสักบทหนึ่งก็เป็นการเพียงพอแล้วที่จะใช้เป็นหลักฐานแก่ประชาชาติอิสลามเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ปรากฏว่า อัลกุรอานหลายอายะห์และบรรดาฮะดีษอีกหลายบท ถูกชีอะฮ์นำเสนอในลักษณะของการตีความชักลาก ที่สำคัญก็คือ พวกเขาไม่ได้ประสานความคิดและแนวทางการปฏิบัติกันมาก่อน ฉะนั้นบรรดาอุลามาอ์ของชีอะฮ์จึงต่างคนต่างหยิบฉวยเอาอัลกุรอานหลายอายะห์และฮะดีษอีกหลายบทไปตีความกันคนละทิศคนละทาง จนกระทั่งภาพการแต่งตั้งอิหม่ามด้วยหลักฐานกลายเป็นภาพที่สะเปะสะปะ และทำให้ลัทธิชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองกลายเป็นลัทธิบูชาคนไปในที่สุด
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.