السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
8 เมษายน 2549
มีพี่น้องบางท่านบ่นว่า ระยะหลังนี้อาจารย์ฟารีดมักจะพูดเรื่องการเมือง ไม่ว่าจะบรรยายตามสถานที่ต่างๆ หรือบรรยายทางรายการวิทยุก็ตาม และมีบางท่านได้โทรศัพท์เข้าสู่รายการสื่ออนุรักษ์ว่า อาจารย์ฟารีดเชียร์พันธมิตรอย่างออกหน้าออกตา
เสียดายว่าผมไม่ได้รับโทรศัพท์เอง แต่ก็ได้สั่งทีมงานไว้ว่า หากพี่น้องโทรเข้ามาอีกจะขอพูดสายด้วยตัวเอง หรือถ้าไม่อยู่ก็ช่วยตอบกลับไปว่า อาจารย์ฟารีดไม่สนับสนุนผู้ที่เข่นฆ่าพี่น้องมุสลิม และนี่เป็นจุดยืนบนพื้นฐานของศาสนาที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ เพียงแต่พี่น้องมุสลิมบางคนอาจจะไม่มีข้อมูล แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ที่มุสลิมถูกฆ่าเป็นจำนวนมากในแต่ละครั้งนั้น ก็น่าจะทำให้เราได้ฉุกคิดได้บ้างว่า เลือดเนื้อของมุสลิมไม่ใช่ดังเป็ดไก่ที่เขากวาดต้อนเอาไปฆ่าเช่นเดียวกับช่วงที่ไข้หวัดนกระบาด
ความจริงเป็นเรื่องที่น่าละอายที่คนไม่ใช่มุสลิมได้ออกมาเรียกร้องและปกป้องสิทธิ์แทนมุสลิม ในขณะที่มุสลิมเองกลับนิ่งเงียบ ทั้งๆมุสลิมก็เป็นนักการเมืองระดับประเทศหลายคนด้วยกัน แต่กลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ และยิ่งน่าละอายมากขึ้นไปอีกเมื่อพระออกมาพูดว่า รัฐบาลละเมิดสิทธิ์และฆ่าชีวิตมุสลิมผู้บริสุทธิ์ แต่พวกเราบางคนกลับพูดว่า รัฐบาลทำถูกต้องแล้ว นี่เป็นการตอกหน้าผู้นำของเราฉาดใหญ่.....อายเขาไหม....
ในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสดีที่เรื่องราวของพี่น้องมุสลิมโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ แม้ว่าบางคนจะหยิบประเด็นนี้ ไปเป็นหนึ่งในมูลเหตุของการขับไล่รัฐบาลก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ทำให้พี่น้องร่วมชาติได้เข้าใจมุสลิม และเข้าใจเหตุการณ์ สถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น หลังจากที่มุสลิมและอิสลามถูกเขียนภาพให้น่าเกลียดน่ากลัว ถูกยัดเยียดข้อหา ถูกอุ้มฆ่าด้วยนำมือของรัฐนับจำนวนไม่ถ้วน แล้ววันนี้ความจริงก็ถูกเปิดเผยหลังจากที่ประชาชนปิดหูปิดตากันมานาน
สันติภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้ตราบใดที่เหตุของปัญหายังไม่ถูกแก้ไข และสันติภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้ตราบใดที่ความเป็นธรรมยังไม่เกิดขึ้นจริงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฉะนั้นการที่รัฐบาลรณรงค์ให้พับนกที่ผ่านมานั้นก็เป็นเพียงการสร้างภาพ ที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย เสียทั้งเวลา เสียงบประมาณ และเสียความรู้สึก
เรื่องมัสยิดกรือเซะ, ตากใบ, ตันหยงลิมอ, การอุ้มฆ่าทนายสมชาย และฯลฯ ได้ถูกจุดประกายกันมาให้คนในสังคมได้รู้เห็นที่มาที่ไปพอสมควร แต่อีกมุมหนึ่งที่หลายคนไม่ได้พูดถึงก็คือผลกระทบที่มีต่อองค์กรเผยแผ่ศาสนา คนทำงานศาสนา ซึ่งอยากจะขอกล่าว ณ.ที่นี้ว่า
เงินซะกาตบริสุทธิ์ที่เคยถูกแจกจ่ายให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องมุสลิมทั่วทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นการให้ทุนการศึกษา การจัดพิมพ์ตำราศาสนา งบให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างมัสยิด สร้างโรงเรียนสอนศาสนา หรือเงินอุดหนุนผู้เผยแผ่ศาสนาเป็นต้น งบเหล่านี้เคยหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยในทุกยุคทุกรัฐบาลที่ผ่านมาโดยปกติ แต่ได้ถูกสกัดกั้น หลังจากที่รัฐบาลนี้เลือกที่จะยืนเคียงข้างสหรัฐอเมริกา โดยส่งทหารไทยไปร่วมปล้นประเทศอิรัคกับเขาด้วย หลังจากนั้นก็พยายามออกกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายตามที่ลูกพี่ร้องขอ เป็นเหตุให้เงินซะกาตอันบริสุทธิ์ที่จะอุดหนุนในหลายโครงการต้องถูกระงับไปโดยปริยาย โดยเฉพาะเงินเดือนครูสอนศาสนา ที่วันนี้ครูสอนศาสนาที่เคยได้รับเงินเดือนจากทุนดาอีย์ ต้องละทิ้งความเป็นครูไว้เบื้องหลัง แล้วหันไปประกอบอาชีพอื่นเพื่อประทังชีวิตตัวเองและครอบครัว
ไม่ใช่ว่าอิสลามจะสนับสนุนการก่อการร้าย แต่การออกนโยบายกฏหมายเหวี่ยงแหเพื่อเอาใจลูกพี่บุชนี้ทำให้สังคมมุสลิมได้รับผลกระทบในวงกว้าง ทั้งองค์กรศาสนา คนสอนศาสนา โรงเรียนสอนศาสนา โดยเฉพาะนโยบายจัดระเบียบโรงเรียนสอนศาสนาเอกชนด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการสกัดกั้นการเติบโตของศาสนาอิสลามโดยรวม
ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจเท่านั้นที่ถูกแปรสภาพ โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ได้นำเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็ถูกแปรสภาพไปเป็นโรงเรียนแบบบูรณาการแล้วในขณะนี้
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.