ท่านอาลี อิหม่ามของชีอะฮ์ หรือพระเยซูของชาวคริสต์
ท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ ภาพวาดในจินตนาการของลัทธิชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง
หากมองผ่านๆ อาจทำให้เข้าใจได้ว่า รูปภาพด้านบนนี้คือ รูปพระเยซู ตามความเชื่อของชาวคริสต์ แต่ความจริงแล้วมันคือภาพท่านอาลี อิหม่ามผู้ไร้มลทินของลัทธิชีอะห์อิหม่ามสอบสอง ที่พวกเขาได้มอบความรักอันเลยเถิดต่อท่านอาลี จนกระทั่งได้สร้างภาพเหล่านี้ขึ้นมาตามจินตนาการ เพื่อยกย่องเทิดทูน,บูชา ด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ โดยที่ท่านอาลีเองมิได้รับทราบการกระทำที่เลยเถิดของพวกเขา ท่านบริสุทธิ์จากการกระทำที่เป็นชิรก์เยี่ยงนี้ และแน่นอนว่าในวันพิพากษาท่านอาลีจะต้องแสดงความบริสุทธิ์ของท่าน เช่นเดียวกับท่านนบีอีซาได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองจากการถูกเทิดเกียรติอย่างผิดๆ จากชาวนะศอรอเช่นเดียวกัน
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
قُلْ يَا أهْلَ الكِتَابِ لاَ تَغْلُوا فِي دِيْنِكُمْ غَيْرَ الحَقِّ وَلاَ تَتَّبِعُوا أهْوَآءَ قَوْمٍ قَدْ ضَلُّوا مِنْ قَبْلُ وَأضَلُّوا كَثِيْرًا وَضَلُّوا عَنْ سَوَآءِ السَبِيْلِ
“ประกาศเถิดว่า โอ้ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย พวกท่านอย่าได้ปฏิบัติเลยเถิดในศาสนาของพวกท่าน โดยปราศจากความจริง และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ของกลุ่มชนที่หลงผิดมาก่อนแล้ว และทำให้ผู้คนมากมายได้หลงผิดตามไปด้วย โดยพวกเขาได้หลงออกจากทางที่เที่ยงตรง” ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ 77
ขณะที่ชาวนะศอรอได้เทิดทูนท่านนบีอีซา กระทั่งยกให้ท่านอยู่ในสถานะเดียวกับพระเจ้า หรือเชื่อว่าท่านคือบุตรของพระเจ้า ทั้งนี้เพราะความคลั่งไคล้จึงทำให้พวกเขาหลงจากทางนำที่ท่านนบีอีซาได้มาเรียกร้อง เช่นเดียวกับลัทธิชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองที่มีพฤติกรรมก้าวตามชาวนะศอรอไม่ได้ผิดเพี้ยนกันเลย ด้วยเพราะพวกเขายกสถานะของอิหม่ามเทียบเคียงพระเจ้า โดยพวกเขาเชื่อกันว่า ท่านอาลีและบรรดาอิหม่ามผู้ไร้มลทินนั้นคือ ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน, เป็นผู้หยั่งรู้เรื่องที่พ้นญาณวิสัย (อัลฆอยบ์) ที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถรับรู้ได้ พวกเขาขนานนามท่านอาลีว่า “มัซฮัร - อัลอะญาอิบ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ทำให้ความเร้นลับปรากฏ” ทั้งๆที่เรื่อง “อัลฆอยบ์” เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์แต่ผู้เดียว นอกจากนั้นพวกเขายังเชื่อว่าบรรดาอิหม่ามคือผู้หยั่งรู้วันตายและสถานที่ตาย อีกทั้งยังเลือกวิธีการตายได้ด้วยตัวเอง และยังมีพลังอำนาจลึกลับที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ร้องชาวชีอะฮ์ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยที่พวกเขาจะร้องเรียกหาอิหม่ามของพวกเขาอย่างโหยหวนด้วยคำว่า “อาลีมะดัด” แปลว่า อาลีช่วยด้วย หรือ “ฮุเซนมะดัด” แปลว่า ฮุเซนช่วยด้วย และหากท่านได้อ่านเรื่องราวที่เรานำมาตีแผ่ก่อนหน้านี้แล้วก็จะทราบว่า สิ่งที่เราพูดนี้ไม่ได้เกินเลยจากความเป็นจริง
อะกีดะห์อันเลยเถิดของชาวนะศอรอก็คือ การเชื่อว่าพระเยซูคือ “พระบุตร” หรือเป็นบุตรของพระเจ้าแต่ชีอะฮ์เลยเถิดยิ่งกว่านั้นอีก เพราะพวกเขาเรียกขานท่านอาลีว่า “ญาดุ้ลลอฮ์” หรือ “พระหัตของอัลลอฮ์” พวกเขาได้ยกสถานะของท่านอาลีเป็นดัง “เทพอมตะ” ที่ไม่มีวันตาย นี่คืออะกีดะห์เรื่อง “ร๊อจญ์อะฮ์” ของลัทธิชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง คือเชื่อว่าท่านอาลีและบรรดาอิหม่ามของพวกเขา โดยเฉพาะอิหม่ามลำดับที่สิบสองชื่อ มะฮ์ดี จะกลับมาในดุนยาอีกครั้งหนึ่งเพื่อชะระแค้นต่อผู้ที่เป็นศัตรูกับอะฮ์ลุ้ลบัยต์
หากเราพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมาและด้วยหัวใจเป็นธรรมแล้ว ก็จะพบข้อเท็จจริงของคำพูดที่ว่า อะกีดะห์ของลัทธิชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองนั้นเป็นอะกีดะห์ที่ก้าวตามอะกีดะห์ของชาวนะศอรออย่างไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งเราจะพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นจากภาพดังต่อไปนี้
เปรียบเทียบภาพจินตนาการ ด้านซ้ายคือภาพ อิหม่ามอาลี ด้านขวาคือภาพ พระเยซู
ความจริงแล้วเป็นที่รู้กันดีในหมู่ผู้ศรัทธาว่า อิสลามห้ามสร้างภาพเคารพหรือภาพบูชา ไม่ว่าจะเป็นภาพของท่านรอซูล,บรรดาอิหม่าม,หรือภาพของบุคคลอื่นๆ ทั่วไป โดยถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็น ชิรก์ คือการตั้งภาคีต่อพระองค์อัลลอฮ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการลอกเลียนแบบวิธีการจากคนนอกศาสนาทั้งสิ้น เมื่อเราได้กล่าวเช่นนี้ กลุ่มชีอะฮ์ก็จะปฏิเสธว่า พวกเขาไม่ได้สร้างรูปเพื่อเคารพ,บูชา แต่หากพวกเขาสร้างภาพเหล่านี้เพื่อการระลึกถึงเท่านั้น
นี่เป็นแก้ตัวอย่างน้ำขุ่นๆ เพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น เพราะเราสามารถติดตามข้อข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ได้โดยง่ายๆ เพราะภาพเหล่านี้ได้ปรากฏต่อสาธารณะไม่ว่าจะเป็นตามวิหาร,สถานศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา หรือแม้กระทั่งตามบ้านเรือนของพวกเขาเองก็ตาม และไม่ใช่เฉพาะภาพของท่านอิหม่ามอาลีแต่เพียงอย่างเดียว พวกเขายังสร้างภาพของบรรดาอิหม่าม,ภาพของบรรดามะลาอิกะห์,ภาพของนรกหรือสวรรค์ และฯลฯ ตามจินตนการของพวกเขาเอง ซึ่งว่าไม่พบว่าพฤติกรรมของพวกเขาจะใกล้เคียงกับคำสอนของอิสลามเลย แต่กลับไปใกล้เคียงกับความเชื่อในศาสนาอื่นๆ และอย่างนี้หรือที่พวกเขาอ้างตนเองว่าเป็นมุสลิม
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.