ค้นหา  ·  หัวข้อเรื่อง  ·  เข้าระบบ  ·  เผยแพร่เรื่อง
                      สมัครสมาชิก  

หนังสือใหม่

ผลงานล่าสุด
ของ อ.ฟารีด เฟ็นดี้


อีซีกุโบร์



พิธีกรรมยอดฮิตติดอันดับของเมืองไทย อิซีกุโบร์ พิธีกรรมเซ่นสังเวยดวงวิญญาณ วิเคราะห์เจาะลึกถึงที่มาพร้อมวิเคราะห์หลักฐาน คนกินข้าว ผีกินบุญ จริงหรือ ?

อุศ็อลลี



เหนียตและการตะลัฟฟุซแตกต่างกันอย่างไร แสดงที่มาของการกล่าวอุศ็อลลี แจงเหตุที่มาและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ

ซัยยิดินา



การเพิ่มซัยยิดินาในศอลาวาต เป็นฮะดีษศอเฮียะห์จริงหรือ แจงเหตุที่มาและบทวิเคราะห์ทางวิชาการ

การยกมือตั๊กบีร
ระหว่างสองสุญูด




การยกมือตั๊กบีรระหว่างสองสุญูด เป็นซุนนะห์จริงหรือ วิเคราะห์หลักฐานที่กล่าวกันว่าท่านนบีกระทำเป็นบางครั้งจริงหรือไม่

วะบิฮัมดิฮี



หลักฐานการอ่านวะบิฮัมดิฮีในรุกัวอ์และสุญูดถูกต้องหรือ เชคอัลบานีว่าเป็นฮะดีษ ศอเฮียะห์จริงหรือไม่ พิสูจน์หลักฐานตามศาสตร์ของฮะดีษ เพื่อคุณจะได้มีคำตอบแก่ตัวเอ

วาญิบต้องศอลาวาต
ในตะชะฮุดแรกหรือ




ชี้แจงมุมมองของเชคอัลบานี ที่ตกทอดสู่เมืองไทย ถ้าไม่อ่านศอลาวาตในตะชะฮ์ฮุดแรกละหมาดใช้ไม่ได้ หากลืมก็ต้องสุญูดซะฮ์วี จริงหรือ อ่านวิเคราะห์หลักฐานทางวิชาการ เพื่อคุณจะได้มีคำตอบแก่ตัวเอง

รู้ทันชีอะฮ์



เผยกลลวงของชีอะห์ในการดึงมุสลิมออกจากอิสลาม
ตอบโต้ข้อกล่าวหา,ใส่ร้าย,ประณามศอฮาบะห์

ติดต่อและสั่งซื้อได้ที่
คุณยะอ์กู๊บ น้อยนงค์เยาว์
084 0004619


รวมวิดีโอ

>>..ดูทั้งหมด..<<


เมนูหลัก

 บริการหลัก
หน้าแรก
ถามตอบ
ติดต่อสอบถาม
แนะนำบอกต่อ
ค้นหา
แสดงสถิติ
ผลสำรวจ
ยอดฮิตติดอันดับ
 บริการสมาชิก
รายนามสมาชิก
 บริการข่าวสาร
 บริการอื่นๆ
ดาวน์โหลด
วิดีโอบรรยาย
ห้องแสดงภาพ
ฮะดีษแปลไทย


บทความรายวิชา








วิเคราะห์ข้อขัดแย้ง

  ศอฮาบะห์กางเต้นท์อ่านอัลกุรอานบนกุโบร์หรือ
  อัลกอมะห์กับแม่
  อิสลามเปลี่ยนวันใหม่ตอนมักริบไม่ใช่เที่ยงคืน
  เฝ้ากุโบร์ไม่ฮะราม..หรือ
  วิพากษ์หลักฐานเรื่องทำกุรบานให้คนตาย
  ถือศีลอดสิบวันแรกเดือนซุ้ลฮิจญะห์เป็นฮะดีษศอเฮียะห์หรือไม่
  วันที่ 9 ซุ้ลฮิจญะห์ที่ไม่มีอะรอฟะห์
  มีหลักฐานห้ามไหม
  กล่าวเท็จต่อท่านนบีว่า ท่านอ่านอัลกุรอานในกุโบร
  วิพากษ์หลักฐานการอ่านอัลกุรอานที่กุโบร์ ตอนที่ 3 คำรายงานที่ถูกต้องจากอิบนิอุมัร

[ดูเรื่องทั้งหมด]

บทความทั่วไป

  ทำบุญประเทศ
  เมื่อโลกหยุดหมุน
  ผีแม่ซื้อ
  ประเพณีการแต่งงานของมุสลิมภาคใต้
  อาซูรอ 10 มุฮัรรอม กับตำนานกวนซุฆอ
  เมาตาคือใคร
  ...ทาส... ตอนที่ 2
  ...ทาส... ตอนที่ 1
  เผยอะกีดะห์กลุ่มดะอ์วะห์ ตอนที่ 2
  เผยอะกีดะห์กลุ่มดะอ์วะห์ ตอนที่ 1

[ดูเรื่องทั้งหมด]

เหมือนหรือต่าง

ภาพเปรียบเทียบระหว่างพิธีการทรมานตนเองของชาวชีอะฮ์ อิหม่าม 12 ในวันที่ 10 มุฮัรรอมของทุกปี กับม้าทรงของศาลเจ้าสามกอง ในงานประจำปี จ.ภูเก็ต


ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง

ม้าทรงศาลเจ้าสามกอง

ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง

ม้าทรงศาลเจ้าสามกอง

ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง


เวบลิ้งค์

มรดกอิสลาม
อัซซุนนะห์
ซุนนะห์ไซเบอร์
ชมรมวะรอซะตุซซุนนะฮฺ แนวร่วมมุสลิมต่อต้านรอฟิเฏาะ - ร่วมต่อต้านวันนี้ หรือจะรอให้สายเกินไป



ประท้วงเป็นบิดอะห์จริงหรือ ตอนที่ 1






จากเหตุการณ์ที่นักหนังสือพิมพ์ชาวเดนมาร์ค ได้วาดภาพการ์ตูนดูแคลน เหยียดหยามท่านนบีมูฮัมหมัด ศอ็ลลอ็ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และได้รับเสียงทักท้วงจากบรรดามุสลิมในเดนมาร์คให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ แต่นักหนังสือพิมพ์ชาวเดนมาร์คนั้นนอกจากจะไม่ขอโทษแล้ว ก็ยังได้รับการปกป้องจากนายกรัฐมนตรีของเดนมาร์คว่า เป็นสิ่งที่กระทำได้ เพราะเดนมาร์คมีสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย เป็นเหตุให้มุสลิมทั้งโลกลุกฮือ ออกมาประท้วง ประณาม นักวาดการ์ตูนและรัฐบาลเดนมาร์คอยู่ในขณะนี้ นอกจากนั้นประเทศมุสลิมหลายประเทศได้เรียกทูตกลับ บางประเทศบอยคอตสินค้าของเดนมาร์ค แต่ในประเทศซีเรียเล่นแรงถึงขนาดเผาสถานทูตเลยทีเดียว


แต่ดูเหมือนเดนมาร์คจะไม่แยแสกับเรื่องนี้ และยืนยันที่จะไม่กล่าวคำขอโทษ ยิ่งไปกว่านั้นสื่อสารมวลชวนจากซีกโลกตะวันตกในหลายประเทศยังส่งเสียงเชียร์การกระทำของเดนมาร์คอีกด้วย


สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เราต้องย้อนมองตัวเองว่า เราคือใครและจะแสดงจุดยืนต่อเหตุการณ์เช่นนี้อย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของตะวันตกกับกลุ่มประเทศมุสลิมในตะวันออกลางเท่านั้น แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของมุสลิมทั้งโลกที่จะต้องปกป้องเกียรติของท่านนบีมูฮัมหมัด ศอ็ลลอ็ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม แต่จะทำอย่างไร นี่คือคำถามที่หลายคนยังมึนงง เพราะนักวิชาการบ้านเรามีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องของวิธีการ บางท่านก็ว่ากระทำได้ทุกวิถีทาง บางท่านก็วางเฉย บางท่านบอกว่าต้องมีความเป็นธรรมต่อคู่กรณีด้วย และบางท่านก็ว่าการดูหมิ่นดูแคลนเช่นนี้มีมานานแล้ว บางท่านก็รณรงค์ให้มีการประท้วง, บอยคอตสินค้า และบางท่านก็บอกว่าการเดินขบวนเป็นบิดอะห์ และฯลฯ

น่าเศร้าใจเหลือเกิน ! ที่ผู้รู้ในบ้านเราขณะนี้กำลังสาละวนอยู่กับการห้ำหั่นกันเอง ปัดแข้งปัดขากันเอง

ในสภาวการณ์เช่นนี้ เราคงต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า คู่กรณีของเราคือใคร และขณะนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับใคร เพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้เรานำเอาฮุก่ม หรือข้อบัญญัติ มาใช้ผิดที่ เพราะข้อบัญญัติที่มุสลิมพึงปฎิบัติต่อบุคคลที่อยู่ร่วมโลกนั้นแตกต่างกันออกไปคือ

1 - ข้อบัญญัติระหว่างมุสลิมกับมุสลิม

พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

اِنَّمَا الْمُؤْمِنُوْنَ اِخْوَةٌ فَاصْْلِحُوا بَيْنَ أَخَوَيْكُمْ

“แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน พวกเจ้าจงประนีประนอมระหว่างพวกเจ้า”
ซูเราะห์อัลฮุจรอญ อายะห์ที่ 10


2 - ข้อบัญญัติระหว่างมุสลิมกับกาเฟรทั่วไป

พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงบัญญัติว่า

لا يَنْهَاكُمُ اللهُ عَنِ الَّدِيْنَ لَمْ يُقَاتِلُوكُم فِي الدِيْنِ وَلَمْ يُخْرِجُوْكُمْ مِنْ دِيَارِكُمْ أَنْ تَبَرُّوْهُمْ وَتُقْسِطُوا اِلَيْهِمْ اِنَّ اللهَ يُحِبُّ الْمُقْسِطِيْنَ

“พระองค์อัลลอฮ์ไม่ได้ห้ามพวกเจ้า เกี่ยวกับผู้ปฏิเสธการศรัทธาที่ไม่ต่อสู้กับพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และไม่ขับไล่พวกเจ้าจากที่อาศัย ในการที่จะทำดีต่อพวกเขา และให้ความเป็นธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรักผู้ที่มีความยุติธรรม”
ซูเราะห์อัลมุมตะฮินะห์ อายะห์ที่ 8


3 - ข้อบัญญัติระหว่างมุสลิมกับกาเฟรที่เป็นศัตรู

พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงบัญญัติว่า

اِنَّمَا يَنْهَاكُمُ اللهُ عَنِ الَّدِيْنَ قَاتَلُوْكُمْ فِى الدِيْنِ وَأخْرَجُوْكُمْ مِنْ دِيَارِكُمْ وَظَاهَرُوْا عَلىَ اِخْرَاجِكُمْ أَنْ تَوَلَوْهُمْ وَمَنْ يَتَوَلَّهُمْ فَأوْلئِكَ هُمُ الظَالِمُوْنَ

“แต่ทว่า พระองค์อัลลอฮ์ได้ห้ามพวกเจ้า เกี่ยวกับบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาที่ต่อสู้กับพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และขับไล่พวกเจ้าจากที่อาศัย รวมถึงผู้ที่ให้การสนับสนุนในการขับไล่พวกเจ้าด้วย ในการที่จะเป็นมิตรกับพวกเขา และผู้ใดเป็นมิตรกับพวกเขา คนเหล่านั้นก็คือผู้อธรรม”
ซูเราะห์อัลมุมตะฮินะห์ อายะห์ที่ 9


จะเห็นได้ว่าบุคคลทั้งสามจำพวกนี้ มีข้อบัญญัติให้มุสลิมปฏิบัติต่อพวกเขาแตกต่างกัน ปัญหาของเราก็คือ บรรดาผู้ดูแคลน เหยีดหยามท่านนบีมูฮัมหมัด ศอ็ลลอ็ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม นั้นจัดอยู่ในจำพวกไหน นี่คือประเด็นหลักของการพิจารณา เพราะการที่ฮุก่มต่างกันนั้นก็มีเหตุมาจาก มองไม่ออกว่าพวกเขาคือใคร ยิ่งไปกว่านั้นยังก่อให้เกิดการใช้ฮุก่มผิดที่ หรือนำตัวบทหลักฐานไปครอบผิดประเด็นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น บางท่านกล่าวว่า เราต้องยุติธรรม ต้องใช้คำพูดที่ไพเราะ ที่พูดอย่างนี้ก็แสดงว่า เขามองคู่กรณีเป็นมิตรที่พระองค์อัลลอฮ์ใช้ให้ทำดีและให้ความเป็นธรรมกับพวกเขา อย่างนี้คงต้องรอให้พวกเขาเอามีดจ่อคอหอยเสียก่อน ถึงจะมองออกว่าคนเหล่านั้นคือศัตรู

ส่วนการตัดสินว่า บรรดาผู้ดูแคลน เหยียดหยามท่านนบีมูฮัมหมัด ศอ็ลลอ็ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เป็นศัตรูนั้น มิใช่เป็นการมองผ่านอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

يَايُّهَا الَّدِيْنَ آمَنُوا لاَ تَتَّخِدُوا الَّدِيْنَ اتَّخَدُوا دِيْنَكُمْ هُزُوًا وَلَعِبًا مِنَ الَّدِيْنَ أْوتُوا الْكِتَابَ مِنْ قَبْلِكُمْ وَالكُفَّارَ أَوْلِيَاءَ وَاتَّقوُا اللهَ اِنْ كُنْتُمْ مُؤْمِنِيْنَ

“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าได้เอาผู้ที่เอาศาสนาของพวกเจ้ามาเย้ยหยันและล้อเล่น มาเป็นมิตร ทั้งจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้าพวกเจ้า และบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธา (ที่เป็นศัตรู) และจงยำเกรงต่ออัลลอฮ์เถิด หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธา”
ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 57


เมื่อเราได้ทราบตัวบทหลักฐานแล้ว ก็ลองพิจารณาพฤติกรรมของพวกเขาดูซิว่า พวกเขาเอาศาสนาอิสลามมาเย้ยหยัน หรือล้อเล่นหรือเปล่า ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า พวกเขาไม่ใช่มุสลิม และก็ไม่ใช่กาเฟรโดยทั่วไปที่อิสลามสอนให้มุสลิมปฏิบัติดีและให้ความเป็นธรรมด้วย แต่พวกเขาคือกาเฟรที่ประกาศตนเป็นศัตรูอย่างชัดเจน และโดยเปิดเผย

ด้วยเหตุนี้ การพิจารณาว่าบรรดาผู้ดูแคลน เหยียดหยามท่านนบีมูฮัมหมัด ศอ็ลลอ็ลลอฮุอลัยฮิวซัลลัม เป็นศัตรูนั้น มิใช่เป็นการพิจารณาจากความรู้สึกส่วนตัว แต่ถือว่าพวกเขาเป็นศัตรูตามข้อบัญญัติของศาสนา เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่หน้าที่ของมุสลิมที่จะญาติดีกับพวกเขา ตราบใดที่พวกเขายังยืนกรานที่จะละเมิดเกียรติของท่านนบีอยู่ แต่ให้ญิฮาดกับพวกเขา

หากท่านถามว่า จะญิฮาดกับใคร ก็ขอตอบว่า ญิฮาดกับศัตรูที่ทำลายอิสลาม ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

يَأيْهَا النَبِىُ جَاهِدِ الكُفَّارَ وَالمُنَافِقِيْنَ وَاغْلُظْ عَلَيْهِمْ وَمِأْوَاهُمْ جَهَنَّمَ وَبِئْسَ الْمَصِيْرُ

“โอ้นบีเอ๋ย จงต่อสู้กับบรรดาผู้ปฏิเสธ
(ที่เป็นภัยคุกคามมุสลิมและอิสลาม) และบรรดาผู้กลับกลอกในการศรัทธา และจงเด็ดขาดกับพวกเขา และที่พำนักของพวกเขานั้นคือนรกญะฮันนัม และเป็นที่กลับอันชั่วช้ายิ่ง” ซูเราะห์อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 73


“ท่านอิบนุมัสอู๊ด ได้อธิบายประโยคที่ว่า จงต่อสู้กับบรรดาผู้ปฏิเสธ และบรรดาผู้กลับกลอกในการศรัทธา หมายถึงสู้ด้วยมือหรืออำนาจที่มีอยู่ (ถ้าทำไม่ได้ก็ให้สู้ด้วยการพูด และหากทำไม่ได้ก็ด้วยหัวใจที่ต่อต้าน) และหากทำไม่ได้ก็จงแสดงการต่อต้านพวกเขาด้วยสีหน้า

ท่านอิบนุอับบาสได้กล่าวว่า พระองค์อัลลอฮ์ได้บัญชาให้ทำการญิฮาดกับบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธา (ที่เป็นภัยคุกคามมุสลิมและอิสลาม) ด้วยอาวุธ และให้ญิฮาดกับบรรดาผู้กลับกลอกการศรัทธาด้วยคำพูด และอย่าได้ให้ความเอื้ออาทรใดๆ กับพวกเขา” ตัฟซีรอิบนิกะษีร

ข้างต้นนี้คือวิถีทางของการต่อสู้ตามคำอธิบายของศอฮาบะห์ ไม่ว่าจะสู้ด้วยวิธีการใดก็ตามที่มีความสามารถ จะต่อกรกับพวกเขาด้วยอำนาจที่มีอยู่ หรือด้วยการกระทำ หรือด้วยการพูด ด้วยสีหน้าและอากัปกริยา หรือด้วยหัวใจ ทั้งหมดคือการ ญิฮาด ตามกำลังความสามารถของแต่ละคน

และหนี่งในเหตุที่ให้ญิฮาดกับพวกเขานั้น พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงนำเอาพฤติกรรมของผู้กลับกลอกการศรัทธามาแฉให้ฟังในอายะห์ถัดมาว่า

يَحْلِفُوْنَ بِاللهِ مَا قَالُوا وَلَقَدْ قَالُوا كَلِمَةَ الكُفْرِ

“พวกเขาได้สาบานต่ออัลลอฮ์ว่า พวกเขาไม่ได้พูด
(ถ้อยความที่ดูถูกเหยียดหยามท่านนบี และเหล่าศอฮาบะห์) แต่จริงๆ แล้วพวกเขาได้พูดถ้อยความที่เป็นการปฏิเสธการศรัทธา” ซูเราะห์อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 74


เหตุที่มาของอายะห์นี้นั้นคือ การที่เหล่ามุนาฟีกีนนำโดยนายอับดุลลอฮ์ อิบนิอุบัย อิบนิซะลูน ได้กล่าวถ้อยความที่เย้ยหยัน ดูแคลนท่านบีมูฮัมหมัด และเหล่าศอฮาบะห์ ด้วยคำพูดที่ว่า “หากพวกเราได้กลับสู่นครมะดีนะห์ ผู้มีเกียรติ (ตัวเขากับพรรคพวก) จะขับไล่ผู้ต่ำต้อย (ท่านนบีและเหล่าศอฮาบะห์) ออกจากนครมะดีนะห์” ดูซูเราะห์อัลมุนาฟิกูน อายะห์ที่ 8

ท่านเซด อิบนุอัรกอม ซึ่งขณะนั้นยังเด็กมาก เมื่อได้ฟังคำถากถางของนายอับดุลลอฮ์ อิบนิอุบัย อิบนิซะลูน จึงได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งให้ท่านนบีทราบ และขณะเผชิญหน้ากัน อิบนิซะลูนกับพวกพ้องก็ยืนกรานสาบานว่า พวกเขาไม่ได้พูดด้วยถ้อยคำที่เยาะเย้ย ถากถาง ดูแคลน แต่พระองค์อัลลออฮ์ได้ทรงประทานอายะห์นี้มาเพื่อยืนยันว่า พวกเขาได้พูดเช่นนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นคำพูดที่แสดงการเป็นศัตรู


คำพูดดูหมิ่น เหยียดหยามเช่นนี้ ถ้าออกจากปากมุสลิม ก็ถือว่าเขาสิ้นสภาพจากเป็นมุสลิมโดยปริยาย แต่ถ้าออกจากปากกาเฟร พวกเขาก็หมดสภาพจากการเป็นกาเฟรโดยทั่วไปที่อิสลามใช้ให้ทำดีและให้ความเป็นธรรมกับพวกเขา แต่พวกเขาได้รับสถานะของการเป็นศัตรูที่พระองค์สั่งให้ญิฮาดกับพวกเขา


จากสถานการณ์ปัจจุบันตามที่กล่าวแล้ว ทำให้มุสลิมต้องสำรวจตัวเองว่า จะกระทำการใดได้บ้างตามกำลังความสามารถที่มีอยู่ โดยเฉพาะมุสลิมในเมืองไทยที่อยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทย แต่ไม่ใช่นิ่งเฉยหรือคัดค้านผู้ที่เขาออกมาปกป้องเกียรติของท่านรอซูลเช่นนี้










สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2006-05-08 (5529 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]