ศอดิก ตามที่ได้กล่าวถึงในหัวข้อนี้ เป็นฉายานามของท่าน ญะอ์ฟัร ซึ่งผู้คนโดยทั่วไปมักจะเรียกท่านว่า ญะอ์ฟัร อัศศอดิก หรือ อบูอับดิลลาฮ์ โดยเฉพาะเหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสอง ได้ยกให้ท่านเป็นอิหม่ามลำดับที่หกของลัทธินี้เลยทีเดียว
ส่วนคำว่า ศิดดีก คือฉายานามของท่าน อบูบักร์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า อบูบักร์ อัศศิดดีก ผู้เป็นเพื่อนสนิทและเป็นพ่อตาของท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสองนับเป็นศัตรูตัวฉกาจ ถึงขนาดว่า เมื่อได้ยินชื่อบุคคลท่านนี้ก็จะต้องมีถ้อยคำด่าประณามและสาปแช่งพ่วงท้ายมาด้วย และที่สำคัญก็คือ พวกเขาให้ข้อหาท่านอบูบักร์ อัศศิดดีกว่า เป็นกาเฟร
แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งท่านญะอ์ฟัร อัศศอดิก และท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก มีความเกี่ยวพันธ์กันอย่างลึกซึ้งทางสายเลือด เนื่องจาก ท่านญะอ์ฟัร อัศศอดิก มีเทือกเถาเหล่ากอหรือสืบเชื้อสายมาจาก ท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก นั่นเอง
ท่านอาจจะแสดงข้อกังขาว่า เป็นไปได้หรือ เพราะเหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสองด่าประณามท่านอบูบักร์ อยู่ไม่หยุดหย่อนและโดยเปิดเผย เป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะขุดโคตรของบุคคลที่พวกเขาจงรักภักดีมาด่าประณามกันเช่นนี้ และนี่คืออีกประเด็นหนึ่งที่เราจะได้พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่า พวกเขาไม่ได้รักอะห์ลุ้ลบัยต์ตามที่โพทนา แต่เขาอ้างอะห์ลุ้ลบัยต์เพื่อหลอกลวงชาวโลกเท่านั้น
ถ้าเรากล่าวว่า ภรรยาของท่าน มูฮัมหมัด บากิร อิหม่ามลำดับที่ห้าของลัทธิชีอะห์ เป็นเหลนของท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก ก็คงจะทำให้เหล่าชีอะห์เกิดอาการคุ้มคลั่งกันมิใช่น้อย และพวกเขาก็คงจะต้องถามซึ่งกันและกันว่า เป็นไปได้อย่างไร ที่ภรรยาของอิหม่ามลำดับที่ห้า และแม่ของอิหม่ามลำดับที่หก จะสืบเชื้อสายมาจากกาเฟรที่ชื่อ อบูบักร์ อัศศิดดีก
ความจริงของเรื่องนี้ได้ถูกปกปิดไว้ ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยได้รับทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่หลงเข้ารีตลัทธิชีอะห์อิหม่ามสิบสองโดยไม่รู้ที่มาที่ไป แต่ซึมซับกับนิยายฝังรักฝังแค้นที่พวกเขาบ่มเพาะให้จนทำให้เกิดความเกลียดและโกรธแค้นต่อท่านอบูบักร์ เพราะแน่นอนว่า บรรดาหัวหอกของเหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสองจะต้องปกปิดเชื้อสายวงศ์วานบรรดาอิหม่ามของพวกเขาไว้เป็นความลับ เพื่อให้ผู้คนที่หลงเข้ารีตในลัทธินี้ได้ตั้งข้อหาและด่าประณามท่านอบูบักร์กันอย่างสะดวกปากโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ จึงเป็นความจำเป็นที่เราจะต้องนำเอาเรื่องนี้มาตีแผ่เพื่อให้ความจริงได้ปรากฏ และเพื่อให้ผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จะได้กลับตัวกลับใจ
อุมมุฟัรวะห์ ภรรยาของท่าน บากิร อิหม่ามลำดับที่ห้าของลัทธิชีอะห์อิหม่ามสิบสองนั้น มีปู่และตาเป็นพี่ชายพ่อแม่เดียวกันกับท่านหญิงอาอิชะห์ โดยทั้งหมดเป็นบุตรของท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก
ปู่ก็คือ มูฮัมหมัด พี่ชายพ่อแม่เดียวกันกับท่านหญิงอาอิชะห์
ตาก็คือ อับดุลเราะห์มาน พี่ชายพ่อแม่เดียวกันกับท่านหญิงอาอิชะห์
ด้วยเหตุที่พ่อของอุมมุฟัรวะห์ คือกอเซ็ม อิบนุ มูฮัมหมัด อิบนุอบีบักร์ อัศศิดดีก และแม่คืออัสมาอ์ บินติ อับดิลเราะห์มาน อิบนิอบีบักร์ อัศศิดดีก ของภรรยาอิหม่ามบากิรนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ดังนั้นท่านหญิงอาอิชะห์ บินติอบีบักร์ อัศศิดดีก จึงมีศักดิ์เป็นย่าและยายในเวลาเดียวกัน
เมื่อภรรยาของท่านอิหม่ามบากิร ซึ่งเป็นแม่ของอิหม่ามญะอ์ฟัร อัศศอดิก มีเชื้อสายวงศ์วานจากท่านอบูบักร์ทั้งสองด้าน คือทั้งข้างพ่อและข้างแม่ ดังนั้น ท่านญะอ์ฟัร อัศศอดิก จึงได้แสดงความยินดีต่อเชื้อสายข้างแม่ทั้งสองด้านของท่านว่า
ولدني أبوبكر الصديق مرتين
อบูบักร์ อัศศิดดีก คือต้นตระกูลของฉันทั้งสองสาย
นี่คือรกรากและสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งของอิหม่ามลำดับที่ห้าและอิหม่ามลำดับที่หกของชีอะห์อิหม่ามสิบสองกับเชื้อสายวงศ์วานของท่านอบูบักร์ อัศศิดดีกที่กลุ่มชีอะห์ไม่กล้าเปิดเผย โดยเฉพาะคำยืนยันของท่านอิหม่ามญะอ์ฟัร อัศศอดิกที่แสดงถึงความภูมิใจต่อบรรพบุรุษของท่านคือ ท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก ในข้างต้นนี้
ไม่เพียงแต่ท่านอิหม่ามญะอ์ฟัร อัศศอดิก จะกล่าวแสดงความภูมิใจที่มีต่อท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก เท่านั้น แต่ท่านยังได้รับถ่ายทอดความรู้ข้อบัญญัติศาสนาจากท่านหญิงอาอิชะห์ ผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นย่าและยายของท่านโดยผ่านทางผู้เป็นพ่อ,แม่,และลุงป้าของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านยะอ์ฟัร อัศศอดิก ได้รับความรู้จากท่านหญิงอาอิชะห์ โดยผ่านการรายงานของ อุรวะห์ บินซุบัยร์ ซึ่งเป็นหลานของท่านหญิงอาอิชะห์อีกคนหนึ่งเช่นเดียวกัน และที่กล่าวมานี้คือท่านยะอ์ฟัร อัศศอดิก ผู้บริสุทธิ์จากการใส่ร้ายป้ายสีด้วยน้ำมือของเหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสอง ที่อธรรมต่อท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก และวงศ์วานของท่าน ทั้งๆที่เขาเหล่านี้เป็นบุคคลที่เคารพรักของอะห์ลุ้ลบัยต์
ยิ่งไปกว่านั้นอิหม่ามลำดับที่สองของชีอะห์ คือท่านฮะซัน บุตรชายของท่านอิหม่ามอาลี ซึ่งเป็นพี่ชายของท่านอิหม่ามฮุเซน ยังได้แต่งงานกับ ฮับเซาะห์ บินติอับดิลเราะห์มาน อิบนิอบีบักร์ ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆของท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก อีกด้วย เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เหล่าชีอะห์ปิดปากสนิท พวกเขาไม่กล้าเผยความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของวงศ์วานทั้งสองคือ วงศ์วานของท่านอบูบักร์ อัศศิดดีก และวงศ์วานของท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ เพราะถ้าพวกเขาจงรักภักดีต่ออะห์ลุ้ลบัยต์จริงดั่งที่ปากว่า พวกเขาคงไม่แสดงพฤติกรรมอันเลวร้ายด้วยการขุดเอาท่านอบูบักร์ ผู้เป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของอะห์ลุ้ลบัยต์มาด่าประณามเป็นแน่แท้
ประเด็นต่างๆที่เรากล่าวมาข้างต้นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เรายกเมฆหรือประพันธ์ขึ้นเอง เพราะเชื้อสายเหล่ากอและวงศ์วานของมนุษย์โดยทั่วไปนั้นไม่ได้กุดด้วน นอกจากนี้ยังสามารถสืบค้นได้โดยไม่ยากนัก ท่านผู้อ่านสามารถอ่านรายละเอียดตรวจทานเรื่องเหล่านี้ได้ทั้งจากตำราของชาวซุนนะห์และตำราของชีอะห์เองดังนี้
1 – ซิรรุลซิละห์ อัลอะละวียะห์ หน้าที่ 34
2 – ซิละตุ้ลอะอ์ลาม อัลฮิดายะห์ เล่มที่ 8 หน้าที่ 41,185,186
3 – อัลอิรซาด ของเชคมุฟีด หน้าที่ 270,354
4 – บิฮารุ้ลอันวาร ของอัลมัจลิซีย์ เล่มที่ 43 หน้าที่ 192,212
5 – ตะฮ์ซีบบุลอะห์กาม ของอัตตูซีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 469
6 – ซิยัรลิลซะฮะบีย์ เล่มที่ 4 หน้าที่ 421
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.