นับเป็นความภูมิใจของเหล่าชีอะห์ที่ได้กล่าวถึงเกียรติประวัติของท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ โดยไม่แยกแยะว่า ถ้อยความที่นำมากล่าวสรรเสริญเยินยอกันนั้น จะมีความถูกต้องมากน้อยขนาดไหน เพียงแต่ขอให้ได้ฝังความรู้สึกยกย่องเทิดทูนจนกลายเป็นความคลั่งไคล้แก่บรรดาผู้คน และเรื่องราวต่อไปนี้เป็นอีกฉากหนึ่งที่จะยืนยันถึงข้อความของเราที่กล่าวมา
لا سيفا إلا ذو الفقا ر ولا فتى إلا علي
“ไม่มีดาบใดที่จะเลอค่านอกจากซุ้ลฟิกอร, และไม่มีชายหนุ่มคนใดที่จะกล้าหาญนอกจากอาลี”
หมายเหตุ : ซุ้ลฟิกอร คือดาบประจำกายของอาลี อิบนิ อบีตอลิบ
เมื่อเราอ่านข้อความข้างต้นโดยผ่านๆ โดยไม่รู้ที่มาที่ไปและโดยไม่ตรึกตรอง ก็ยังรู้สึกชื่นชมกับท่านอาลีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับการประกาศความกล้าหาญ แต่ท่านจะยิ่งทึ่งไปมากกว่านี้อีก หากได้อ่านเนื้อความทั้งหมดของเรื่องราวอุปโลกน์นี้
حدثنا إسحاق بن إبراهيم بن يونس قال حدثنا عيسى بن مهران حدثنا مخول حدثنا عبد الرحمان بن الأسود عن محمد بن عبيد الله بن أبي رافع عن أبيه عن جده أبي رافع قال كانت راية رسول الله صلى الله عليه وسم يوم أحد مع علي بن أبي طالب رضى الله عنه وكانت راية المشركين مع طلحة بن أبي طلحة فذكره بطوله وذكر فيه كل من كان يحمل راية المشركين فقتله علي حتى ذكر سبعة أنفس حملوها وقتلهم علي وقتل جماعة من رؤسائهم يحمل عليهم فقال جبريل يا محمد هذه المواساة فقال النبى صلى الله عليه وسلم أنا منه وهو مني ثم سمعنا صائحا يصيح فى السماء وهو يقول لاسيفا إلا ذو الفقار ولا فتى إلا علي
อิสหาก อิบนุอิบรอฮีม บินยูนุสได้เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อีซา อิบนุมิฮ์รอน เล่าให้เราฟังว่า มุควิล เล่าว่า อับดุลเราะห์มาน อิบนุลอัสวัด เล่าให้เราฟัง จากมูฮัมหมัด อิบนุ อุบัยดิลลาฮ์ อิบนุอบีรอเฟียะอ์ จากพ่อของเขาที่ฟังมาจากปู่ของเขาอีกทอดหนึ่งว่า “ธงนำทัพของท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ในสงครามคอยบัรนั้น อยู่กับอาลี อิบนิอบีตอลิบ รอฏิยัลลอฮุอันฮุ และธงนำทัพของเหล่ามุชรีกีน อยู่กับ ตอลฮะห์ อิบนุอบี ตอลฮะห์ และเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่มีความยาวมาก และในท่อนหนึ่งเขาเล่าว่า ทุกคนที่ถือธงนำทัพของฝ่ายมุชรีกีนจะถูกท่านอาลีสังหารหมด ซึ่งมีจำนวนถึงเจ็ดคนด้วยกันที่สลับกันมาถือธงแล้วถูกท่านอาลีสังหาร โดยในนั้นมีอยู่กลุ่มหนึ่งจากบรรดาหัวหน้าของพวกเขาที่ถูกสังหาร ญิบรีลได้กล่าวว่า โอ้มูฮัมหมัด นี่คือความเท่าเทียมกัน ดังนั้นท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม จึงได้กล่าวว่า ฉันมาจากเขา (อาลี) และเขา (อาลี) ก็มาจากฉัน หลังจากนั้นพวกเราได้ยินเสียงตะโกนก้องจากฟากฟ้าว่า ไม่มีดาบใดจะเลอค่าไปยิ่งกว่าซุ้ลฟิกอร และไม่มีชายหนุ่มคนใดที่จะกล้าหาญไปยิ่งกว่าอาลี”
เราได้นำเอาสายรายงาน,ชื่อผู้รายงาน และข้อความที่พวกเขาอ้างมาแสดงให้ท่านได้เห็นครบถ้วน ซึ่งแสดงถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ จนได้รับประกาศจากฟากฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดีต่อท่านอาลีจริงๆ เพียงแต่ว่า ชาวซุนนะห์นั้น มีสติพอที่จะไม่เชื่อในสิ่งที่เล่ากล่าวขานกันมาโดยไม่ตรวจสอบว่า จริงหรือเท็จ,ถูกหรือผิดอย่างไร ในทางตรงกันข้าม กระบวนการตรวจสอบของชาวซุนนะห์กลับเข้มข้น โดยเฉพาะข้อความที่อ้างว่าเป็นคำพูดหรือการกระทำของท่านนบี เพราะถ้ามีความถูกต้องชัดเจนจริง ก็จะถือเป็นบัญญัติศาสนาเลยทีเดียว ดังนั้นเราคงไม่ละเลยที่จะนำเอาสายรายงาน,ตัวผู้รายงาน และเนื้อหาของเรื่องนี้มาตรวจสอบกันดังนี้
ท่านชัยคุ้ยอิสลาม อิบนุตัยมียะห์ ได้กล่าววิจารณ์ว่า
هذا الحديث من الأحاديث المكذوبة الموضوعة باتفاق أهل المعرفة بالحديث
“ฮะดีษบทนี้เป็นหนึ่งในบรรดาฮะดีษเท็จและอุปโลกน์ทั้งหลาย ตามมติของผู้เรียนรู้วิชาการฮะดีษ” (มุคตะศ็อร-มินฮาจญ์ซุนนะห์)
เมื่อเรานำเอาคำของอิบนุตัยมียะห์มายืนยัน แน่นอนว่าเหล่าชีอะห์ทั้งหลายจะต้องรีบปฏิเสธโดยทันที เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่า ท่านอิบนุตัยมียะห์นั้น เป็นนักวิชาการที่กะเทาะเปลือกชีอะห์อิหม่ามสิบสองจนเปลือยล่อนจ้อน แต่เมื่อเราได้เห็นข้อความจากอิบนุตัยมียะห์แล้ว เราก็จะต้องพิสูจน์ต่อไปเพื่อให้ทราบว่า เรื่องนี้อิบนุตัยมียะห์จะโมเมเอาเอง หรือว่าเหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสองจะมั่วนิ่ม
ท่านอิหม่ามอัชเชากานีย์ วิจารณ์ว่า
في إسناده عيسى بن مهران وهو رافضى يحدث بالموضوعات وقد أدخل هذا الحديث ابن الجوزي فى الموضوعات
“ในสายรายงานนี้มีผู้รายงานที่ชื่อ อีซา อิบนุมิฮ์รอน ซึ่งเขาคือ รอฟีดีย์ (ชีอะห์ที่ด่าประณามเหล่าศอฮาบะห์ตัวยง) เขากุฮะดีษเท็จมากมาย ซึ่งอิบนุเญาซีย์ได้นำเอาฮะดีษบทนี้รวมไว้ในหนังสือ อัลเมาดัวอาต ของท่าน” (ฟะวาอิด อัลมัจมัวอ์)
เมื่อท่านเชากานีย์ได้ให้ไกด์กับเราไว้ดังนี้ เราจึงต้องตามไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงจากต้นฉบับ และเราก็พบข้อเท็จจริงว่า ท่านอิบนุเญาซีย์ ได้ระบุฮะดีษบทนี้ไว้ในหมวดที่ว่าด้วยเรื่องฮะดีษอุปโลกน์เกี่ยวกับท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ ฮะดีษลำดับที่ 32
หลังจากที่ท่านอิบนุเญาชีย์ได้นำตัวบทมาแสดงแล้วท่านก็กล่าววิจารณ์ว่า “ฮะดีษบทนี้ไม่ถูกต้อง ซึ่งอีซา อิบนุ มิฮ์รอน เป็นผู้อ้างเท็จ โดยท่านอิบนุอะดีย์ กล่าวว่า เขารายงานฮะดีษที่กุเท็จไว้มากมายโดยที่ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ด่าประณามศอฮาบะห์ และอีกบทหนึ่งที่อบูบักร์ อิบนุ มัรดะเวียะห์ ได้รายงานจากยะห์ยา บินซะละมะห์ บินกุฮัยล์ จากพ่อของเขา จากอิกริมะห์ จากอิบนิอับบาส ว่า “มีมะลาอิกะห์ตะโกนก้องฟ้าในศึกสงครามอุฮุดว่า ไม่มีดาบใดจะเลิศเลอนอกจากซุลฟิกอร และไม่มีชายหนุ่มคนใดที่กล้าหาญนอกจากอาลี อิบนิอบีตอลิบเท่านั้น” อิบนุฮิบบาน ได้กล่าวว่า ผู้รายงานที่ชื่อยะห์ยา บินซะละมะห์เชื่อถือไม่ได้เขาเป็นผู้ทีกุฮะดีษด้วยน้ำมือของเขาเอง และท่านยะห์ยา บินมุอีน กล่าวว่า เชื่อถือไม่ได้ ส่วนท่านนะซาอีย์ กล่าวว่า เป็นฮะดีษมัตรู๊ก” (ดูอัลเมาดัวอาต เล่มที่ 3 หน้าที่ 381 – 382)
ในฮะดีษที่เราได้นำมาตีแผ่กันนี้ นอกจากตัวผู้รายงานที่ชื่ออีซา อิบนุ มิฮ์รอน จะเป็นผู้ที่อุปโลกน์เชื่อถือไม่ได้แล้ว เรายังพบว่าผู้รายงานฮะดีษนี้อีกคนหนึ่งคือ มูฮัมหมัด อิบนุ อุบัยดิลลาฮ์ เป็นบุคคลที่เชื่อถือไม่ได้ ซึ่งท่านซะฮะบีย์ได้กล่าววิจารณ์ไว้ในหนังสือ มีซาลว่า “ท่านอิหม่ามบุคคอรีย์ กล่าวว่า มุงกะรุ้ลฮะดีษ ท่านยะห์ยา อิบนุมุอีน กล่าวว่า ไร้สาระ ท่านอบูฮาติม วิจารณ์ว่า เป็นฮะดีษที่ถูกปฏิเสธอย่างมาก” (ดูมีซานุ้ลเอียะอ์ติดาล เล่มที่ 3 หน้าที่ 634)
ยิ่งเมื่อเราสำรวจตรวจสอบก็ยิ่งเจอความอุบาทว์ในการกุฮะดีษปลอมและการอ้างเท็จของเหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสองมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเรายังพบฮะดีษปลอมของเรื่องนี้อีกมากมาย เช่น ในบันทึกของอิบนุมัรดุเวียะห์ ที่อ้างคำรายงานจาก อัมมาร บุตรของน้าสาวของซุฟยาน จากสายรายงานของฮันศอลีย์ จากอบีญะอ์ฟัร มูฮัมหมัด บินอาลี ว่า
نادي مناد من السماء يوم بدر يقال له رضوان : لا سيف إلا ذو الفقار ولا فتى إلا علي بن أبي طالب
“ผู้ประกาศได้ตะโกนก้องฟ้าในวันสงครามบะดัร ซึ่งกล่าวกันว่า (ผู้ประกาศคือมะลาอิกะห์ชื่อ) ริดวาน : ไม่มีดาบเล่มใดที่เลอเลิศนอกจากซุ้ลฟิกอร และไม่มีชายหนุ่มคนใดที่จะกล้าหาญนอกจากอาลี อิบนิอบีตอลิบ”
ฮะดีษในบทนี้ได้ระบุชื่อสมรภูมิต่างกับฮะดีษในบทแรกคือ ฮะดีษในบทแรกนั้นกล่าวว่าคือ สมรภูมิอุฮุด แต่ฮะดีษในบทนี้กลับระบุว่าเป็นสมรภูมิบะดัร นอกจากนั้นฮะดีษเก้ในบทแรกไม่ได้ระบุชื่อผู้ประกาศก้องฟ้า แต่ฮะดีษในบทนี้ระบุว่า ผู้ประกาศก้องฟ้าเป็นมะลาอิกะห์ชื่อ ริดวาน แต่จะอย่างไรก็ตาม สถานะของฮะดีษบทนี้ก็ใช่ว่าจะถูกต้อง ท่านอัดดารุกุฏนีย์ ได้วิจารณ์ว่า ผู้รายงานชื่ออัมมารนั้นเป็นคนกุฮะดีษ เชื่อถือไม่ได้ (อัลเมาดัวอาต ของอิบนุเญาซีย์ เล่ามที่ 3 หน้าที่ 382)
บทสรุปของเราก็คือ ฮะดีษในเรื่องนี้ไม่มีบทใดเลยที่จะศอเฮียะห์ (ถูกต้อง) หรือแม้แต่ในระดับฮะซัน (พอใช้ได้) ก็ไม่ปรากฏในตำราของชาวซุนนะห์ มีแต่ที่เป็นฮะดีษเก้ทั้งนั้น แต่น่าแปลกคือฮะดีษเก้กับฮะดีษเก้ก็ยังขัดกันเอง แต่เหล่าชีอะห์ก็หยิบมันไปเป็นฮะดีษต้นพระเอกที่สามารถนำไปหลอกผู้ไม่รู้ได้อย่างง่ายดาย
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.