อิหม่ามอะห์หมัด อิบนุฮัมบัล เกิดในปีที 164 เสียชีวิตในปีที่ 241 ฮิจเราะห์ศักราช
ความจริงแล้วหัวข้อของเราคือ การวิเคราะห์หลักฐาน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า หลักฐานทางศาสนานั้นต้องได้มาจากอัลกุรอานและฮะดีษ แต่ที่เราต้องนำเอาเหตุการณ์ที่อ้างกันว่า ท่านอิหม่ามอะห์หมัด กลับลำในเรื่องการอ่านอัลกุรอ่านที่กุโบร์มาวิเคราะห์ด้วยนี้ เพราะอ้างกันว่า ท่านอิหม่ามอะห์หมัดกลับลำเนื่องด้วยฮะดีษ “ลัจญ์ลาจญ์” ซึ่งเป็นฮะดีษวิพากษ์ที่เรากล่าวแล้วในตอนที่ 1 และเราจะไปติดตามดูข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ โดยเริ่มจาก ข้อความที่ถูกบันทึกในหนังสือ “อัลมุฆนี” ของอิบนิกุดามะห์ ดังนี้
أن أحمد نهى ضريرا أن يقرأ عند القبر وقال له : إن القراءة عند القبر بدعة . فقال له محمد بن قدامة الجوهري : يا أبا عبد الله : ماتقول في مبشر الحلبي ؟ قال ثقة . قال : فأخبرني مبشر عن أبيه أنه أوصى إذا دفن يقرأ عنده بفاتحة البقرة وخاتمتها وقال : سمعت ابن عمر يوصى بذلك . قال أحمد بن حنبل : فارجع فقل للرجل يقرأ
“แท้จริง อะห์หมัดได้ห้ามชายตาบอดผู้หนึ่งในการอ่านอัลกุรอานที่กุโบร์ โดยกล่าวแก่เขาว่า แท้จริงการอ่านอัลกุรอานที่กุโบร์นั้นเป็นบิดอะห์ ดังนั้น มูฮัมหมัด อิบนุกุดามะห์ อัลเญาฮะรีย์ ได้กล่าวกับเขาว่า โอ้พ่อของอับดุลลอฮ์ (อิหม่ามอะห์หมัด) ท่านมีความเห็นเช่นไรเกี่ยวกับ มุบัชชิร อัลฮะละบีย์ ? อิหม่ามอะห์หมัดกล่าวว่า เขาเป็นคนที่เชื่อถือได้ มูฮัมหมัด ได้กล่าวว่า มุบัชชิร บอกกับฉันโดยฟังมาจากพ่อของเขาว่า แท้จริงพ่อของเขาได้สั่งเสียว่า เมื่อเขาได้ถูกฝังไปแล้ว ก็จงอ่าน ณ.ที่หลุมศพของเขาด้วยตอนต้นและตอนท้ายของซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ เขากล่าว ฉันเคยได้ยินอิบนิอุมัร สั่งเสียเรื่องนี้ไว้ อิหม่ามอะห์หมัด อิบนิฮัมบัล กล่าวว่า เจ้าจงกลับไป แล้วบอกให้ชายผู้นั้นอ่าน (อัลกุรอานที่กุโบร์) ต่อไปได้” อัลมุฆนี ลิอิบนิกุดามะห์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 426 (โดยอบูมูฮัมหมัด อับดุลลอฮ์ บินอะห์หมัด บินมูฮัมหมัด บิน กุดามะห์)
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า คำฟัตวาของอิหม่ามอะห์หมัด เกี่ยวกับการอ่านอัลกุรอานที่กุโบร์นั้น เป็นบิดอะห์ (อุติกรรมในศาสนา) แต่ดูเหมือนคำรายงานข้างต้นนี้จะเป็นข้อยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ท่านอิหม่ามอะห์หมัดได้กลับคำฟัตวาใหม่แล้ว เพราะท่านสั่งใช้ให้คนไปบอกชายตาบอดให้ทำการอ่านอัลกุรอานในกุโบร์ต่อไป หลังจากที่ได้รับทราบหลักฐานจากคำรายงานของ อิบนุกุดามะห์ และนี่เป็นหลักฐานเด็ดอีกประการหนึ่งของผู้ฝักใฝ่การอานอัลกุรอานที่กุโบร์ จักได้นำเอาไปเป็นข้ออ้างว่า ท่านอิหม่ามอะห์หมัด เจ้าของมัซฮับฮัมบาลี ยังยอมกลับลำ จนผู้พูดลืมไปว่า ตนเองได้เคยประกาศไว้ว่า สังกัดมัซฮับซาฟีอี
แต่ท่านอิหม่ามอะห์หมัดจะกลับลำจริงหรือไม่ และรายงานเหตุการณ์ที่นำมาแสดงมีความถูกต้องไหม เป็นเงื่อนงำที่เราต้องพิสูจน์หาความจริงกันดังนี้
ประการที่หนึ่ง
ในอัลมุฆนีย์ของอิบนิกุดามะห์ ได้ขึ้นต้นรายงานเหตุการณ์โดยใช้คำว่า فروى جماعة แปลว่า “คนกลุ่มหนึ่งได้รายงานว่า….” โดยมิได้ระบุสายรายงานและตัวผู้รายงานว่าคือใครกันบ้าง ซึ่งบางท่านได้ตีความทึกทักเอาเองว่า คนกลุ่มหนึ่งในที่นี้คือบรรดาสานุศิษย์จำนวนหนึ่งของท่านอิหม่ามอะห์หมัด เหมือนกับเป็นคำรับรองและยืนยันในตัวว่า สานุศิษย์ของอิหม่ามอะห์หมัดเป็นนักฮะดีษทั้งหมด และมีความแม่นยำน่าเชื่อถือทุกคน
จากการตวรจสอบแล้วเราไม่พบว่า บรรดาสานุศิษย์ของอิหม่ามอะห์หมัดที่มีความน่าเชื่อถือท่านใดจะรายงานเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หรือมีสายรายงานของตัวเอง หากแต่การอ้างอิงโดยส่วนใหญ่จะเป็นการคัดลอกตัวบทจากอัลมุฆนีย์ของอิบนิกุดามะห์ตามที่ได้เสนอไว้ข้างต้นนี้ไปอ้างต่อๆกันอีกที หรือไม่ก็ไปคัดลอกจากรายงานของ อัลค๊อลลาล นำมาแสดง ซึ่งจะได้นำมาวิพากษ์ต่อไป อินชาอัลลอฮ์
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า คนกลุ่มหนึ่ง ตามการอ้างในอัลมุฆนีย์ จะหมายถึงบรรดาสานุศิษย์ของอิหม่ามอะห์หมัด แม้เราจะพยายามทำความเข้าใจว่า หนังสืออัลมุฆนีย์ ของอิบนุกุดามะห์ เป็นหนังสือในเชิง ฟิกฮ์ ที่ไม่ละเอียดละออในการอ้างอิงสายรายงานก็ตาม แต่การสันนิฐานและการคาดเดานี้ไม่ใช่มาตรฐานที่นักวิชาการฮะดีษจะให้การยอมรับ และการที่ไม่อ้างอิงแหล่งที่มา และไม่ได้ระบุชื่อผู้รายงานว่ามีใครกันบ้าง ก็ยิ่งทำให้คำรายงานเหตุการณ์นี้ไม่ต่างอะไรจากข่าวโคมลอย
ประการที่สอง
ท่านอิหม่ามอะห์หมัดนั้น นอกจากท่านจะเป็นนักฟิกฮ์ ที่รู้จักกันในนามเจ้าของมัซฮับฮัมบาลีแล้ว ท่านยังเป็นนักฮะดีษที่มีชื่อเสียงอีกด้วย ท่านมีสายรายงานของท่านเอง และมีตำราบันทึกฮะดีษซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในนาม “มุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด” และหากเหตุการณ์ตามคำรายงานนี้ได้เกิดขึ้นจริง ก็เท่ากับว่า ท่านอิหม่ามอะห์หมัด ได้ยอมรับคำรายงานของ อิบนิกุดามะห์ ที่อ้างว่าฟังมาจากมุบัชชิร จากพ่อของเขา (คืออิสมาอีล) ด้วย ถ้าเช่นนั้นแล้ว เพราะเหตุใดท่านอิหม่ามอะห์หมัด หรือบุตรชายของท่านที่ชื่ออับดุลลอฮ์ จึงไม่นำเอาคำรายงานของอิบนุกุดามะห์ในฮะดีษบทนี้มาบรรจุไว้ในมุสนัดของท่าน หากท่านให้การยอมรับ และยอมกลับคำฟัตวาจริง แต่เราก็ไม่พบร่องรอยของเรื่องนี้ถูกระบุอยู่ในมุสนัดอิหม่ามอะห์หมัดเลยแม้แต่น้อย
ประการที่สาม
เมื่อเราได้ตรวจสอบคำรายงานที่ถูกบันทึกไว้นี้ ก็พบว่าเป็นคำรายงานที่แหวกแนว เพราะเนื่องจาก อิบนุกุดามะห์ อ้างว่า ได้ฟังฮะดีษบทนี้มาจากมุบัชชิร จากพ่อของเขาหมายถึง อิสมาอีล อัลฮะละบีย์ ซึ่งเป็นการอ้างสายรายงานที่ผิดพลาดและแย้งกับสายรายงานของฮะดีษวิพากษ์ที่เราได้เสนอแล้วก่อนหน้านี้ คือแทนที่จะกล่าวว่า มุบัชชิร นำมาจากอับดุลเราะห์มาน จากพ่อของเขา คืออัลอะลาอ์ อิบนุลลัจญ์ลาจญ์ แต่กลับกล่าวว่า มุบัชชรินำมาจากพ่อของเขาคืออิสมาอีล เพราะคำว่า أبيه (พ่อของเขา) ในบันทึกของอัตฏอบรอนีย์, สุนันบัยฮะกีย์ และฯลฯ นั้นหมายถึงพ่อของอับดุลเราะห์มาน ที่ชื่อ อัลอะลาอ์ อิบนิลลัจญ์ลาจญ์ ไม่ใช่พ่อของมุบัชชิร ที่ชื่ออิสมาอีล อัลฮะละบีย์
สายรายงานที่แหวกแนวมีปัญหาเช่นนี้ ในแวดวงของนักวิชาการฮะดีษจะไม่รับไว้ในสาระบบของสายรายงานที่ศอเฮียะห์ (ดีเยี่ยม) หรือ ฮะซัน (ดีพอใช้ได้) แต่ก็มีมือดีที่อนุเคราะห์ช่วยแก้ไขตกแต่งสายรายงานนี้ให้ใหม่จากคำรายงานที่ว่า
فأخبرني مبشر عن أبيه
“มุบัชชิรได้บอกกับฉันโดยนำมาจากพ่อของเขา” (คืออิสมาอีล อัลฮะละบีย์)
แก้ไขตกแต่งสายรายงานใหม่ดังนี้
فأخبرني مبشر عن عبد الرحمن بن العلاء بن اللجلاج عن أبيه
มุบัชชิรได้บอกกับฉันโดยนำมาจากอับดุลเราะห์มาน อิบนิลอะลาอ์ อิบนิลลัจญ์ลาจญ์ จากพ่อของเขา” (คืออัลอะลาอ์ อิบนิลลัจญ์ลาจญ์)
เราจะไม่ขอกล่าวประณามผู้ที่กระทำการตกแต่งแก้ไขสายรายงานเพื่อตบตาประชาชน แต่เป็นความรับผิดชอบของเราที่จะนำเอาข้อความที่บันทึกจริงในหนังสือ อัลมุฆนี ของอิบนิกุดามะห์ มาตีแผ่ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ
ประการที่สี่
อีกประการหนึ่งก็คือ ข้ออ้างที่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่มีเพียงที่ระบุอยู่ในอัลมุฆนีย์ ของอิบนิกุดามะห์เท่านั้น แต่ยังมีคำรายงานอีกหลายกระแส จากรายงานของ อัลค็อลลาลคือ
สายรายงานที่ 1
أخبرني الحسن بن أحمد الوارق قال : حدثني علي بن موسى الحداد
“อัลฮะซัน บินอะห์หมัด อัลวัรร๊อก บอกกับฉัน (อัลค๊อลลาล) โดยกล่าวว่า อาลี บินมูซา อัลฮัดดาด เล่าให้ฉันฟังว่า”
สายรายงานที่ 2
أخبرنا أبوبكر بن صدقة قال سمعت عثمان بن أحمد بن إبراهيم الموصلي
“อบูบักร์ บินศอดะเกาะห์ บอกกับเรา (อัลค๊อลลาล) โดยกล่าวว่า ฉันเคยได้ยินอุสมาน บินอะห์หมัด บินอิบรอฮีม อัลเมาศิลีย์”
แม้เราจะอนุโลมว่า เรื่องที่บันทึกอยู่ในอัลมุฆนีย์ ของอิบนิกุดามะห์ เป็นความผิดพลาดในการคัดสำเนาตัวบท แต่เมื่อได้พิจารณาถึงสายรายงานตามที่แสดงนี้ ก็พบว่าผู้รายงานทั้งสองสายคือ
- อัลฮะซัน บินอะห์หมัด อัลวัรร๊อก และอาลีบินมูซา อัลฮัดดาด ในสายรายงานที่หนึ่งเป็นบุคคล “มัจญ์ฮูล”
- อุสมาน บินอะห์หมัด บินอิบรอฮีม อัลเมาศิลีย์ ในสายรายงานที่สอง เป็นบุคคล “มัจญ์ฮูล”
คำว่า “มัจญ์ฮูล” ในทางศาสตร์ฮะดีษนั้นหมายถึงบุคคลที่ไม่มีใครรู้จัก ด้วยเหตุนี้คำรายงานของเขาจึงไม่เป็นที่ยอมรับกัน และมีผลทำให้คำรายงานของเขา “ฏออีฟ”
ดังนั้นคำรายงานจากอิหม่ามอะห์หมัดที่ “มัชฮูร” (เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป) คือการอ่านอัลกุรอานในกุโบร์เป็นบิดอะห์ (อุตริกรรมในศาสนา) โดยไม่มีคำรายงานที่ถูกต้องยืนยันว่า ท่านอิหม่ามอะห์หมัด กลับลำหรือกลับคำฟัตวาของท่านใหม่
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.