คนศาสนาอื่นมีความเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด หมายถึงคนที่เกิดมาในชาตินี้จะเป็นเช่นใด ขึ้นอยู่กับเวรกรรมที่เคยกระทำมาในชาติปางก่อน หรือเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม ดังนั้นจึงต้องเกิดแล้วตาย, ตายแล้วเกิดวนเวียนอยู่เช่นนี้จนกว่าจะหมดเวรหมดกรรม
และภายใต้หัวข้อกลับชาติมาเกิดหรือ “ร๊อญจ์อะห์” ก็มิใช่เป็นการตีแผ่ความเชื่อของคนศาสนาอื่นดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น หากแต่เป็นความเชื่อของลัทธิชีอะห์อิหม่ามสิบสองที่อ้างตนว่าเป็นมุสลิม โดยพวกเขาเชื่อกันว่า บรรดาอิหม่ามของพวกเขาจะกลับชาติมาเกิดในดุนยานี้อีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นบรรดาอิหม่ามยังมีอิทธิฤทธิ์สามารถทำให้ศัตรูของพวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำการล้างแค้น ซึ่งบรรดาของอุลาอ์ของชีอะห์เองได้ยืนยันความเชื่อเหล่านี้ไว้ในตำราของพวกเขาหลายเล่มด้วยกัน ซึ่งเราจะได้นำมาแสดงเป็นสังเขปดังนี้
อุลามาอ์ของชีอะห์ชื่อ อัลลามะห์ อัลมัจลีซีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ บิฮารุลอันวาร โดยอ้างคำรายงานจากท่านอิหม่ามญะอ์ฟัร อัศศอดิกว่า
عن أبي عبد الله قال أن رسول الله صلى الله عليه وسلم وعليا سيرجعان
จากอบี อับดิลลาฮ์ (ญะอ์ฟัร อัศศอดิก) กล่าวว่า “แท้จริงท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และท่านอาลี จะกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง” บิฮารุ้ลอันวาร ภาคที่ 13 หน้าที่ 210
ในหนังสือ อัลอันวาร อัลนัวอ์มานียะห์ ของอัลญะซาอิรีย์ ได้อ้างว่า
أن الحسين يرجع الى الدنيا مع خمسة وسبعين ألفا من الرجال ويملك الدنيا كلها بعد وفاة المهدي عليه السلام ثلاث مائة سنة وتسع سنين
“แท้จริงอิหม่ามฮุเซน จะกลับชาติมาเกิดในดุนยานี้อีกครั้ง พร้อมกับบรรดาชายหนุ่มจำนวนเจ็ดหมื่นห้าพันคน และจะครอบครองดุนยานี้ทั้งหมด หลังจากที่อิหม่ามะห์ดี อลัยฮิสสลาม เสียชีวิตแล้ว 309 ปี” อัลอันวารุ้ลนัวอ์มานียะห์ ภาคที่ 2 หน้าที่ 282
ข้อความทั้งสองข้างต้นนี้เป็นอะกีดะห์ของลัทธิชีอะห์อิหม่ามสิบสองที่ไม่มีร่องรอยจากตัวบทหลักฐาน ทั้งจากอัลกุรอานและฮะดีษของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม แต่เป็นความเชื่อที่ค้านกับอัลกุรอาน ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ได้ทรงกล่าวว่า
وَمِن وَرَاءِهِمْ بَرْزَخٌ اِلَى يَوْمِ يُبْعَثُوْنَ
“และเบื้องหลังของพวกเขานั้นมีสิ่งปิดกันไว้จนกว่าพวกเขาจะถูกให้ฟืนคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง”ซูเราะห์อัลมุอ์มีนูน อายะห์ที่ 100
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงยืนยันว่า บรรดาผู้เสียชีวิตจากดุนยานี้ไปแล้ว จะอยู่อีกโลกหนึ่งคือ บัรซัค ที่ไม่สามารถกลับมาในดุนยานี้อีกครั้ง จนกว่าจะถึงวันกิยามะห์ เป็นวันที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงทำให้มนุษย์ทั้งหมดฟื้นคืนชีพเพื่อทำการสอบสวนและตอบแทนผลของความเชื่อและการกระทำของมนุษย์ในดุนยา นี่คือคำยืนยันที่ถูกอธิบายไว้ด้วยตัวบทหลักฐานจากอัลกุรอาน
แต่ชาวชีอะห์เชื่อว่า บรรดาอิหม่ามของพวกเขานอกจากจะฟื้นคืนชีพด้วยตัวเองแล้วยังมีอิทธิฤทธิ์ทำให้ผู้อื่นฟื้นคืนชีพได้อีกด้วย แสดงว่าพวกเขากำลังยกสถานะบรรดาอิหม่ามของพวกเขามีอำนาจเสมอกับพระองค์อัลลอฮ์ ในขณะที่พระองค์อัลลอฮ์ทำให้ผู้ที่ตายไปแล้วฟื้นในวันกิยามะห์ แต่บรรดาอิหม่ามของชีอะห์ทำให้ฟื้นมามีชีวิตอีกครั้งในดุนยา เพื่อชำระความแค้นกันก่อนจะถึงวันกิยามะห์
ต่างจากเหตุการณ์ในยุคของนบีมูซาที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเพื่อให้พวกเขาสอบสวนการฆาตกรรม โดยพระองค์ทรงใช้ให้พวกเขาเชือดวัวแล้วนำบางส่วนของวัวตีที่ร่างของผู้ตาย แล้วผู้ตายก็จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวไว้ในอัลกุรอานว่า
فَقُلْنَا اضْرِبُوْهُ بِبَعْضِهَا كَذَلِكَ يُحْىِ اللهُ المَوْتَى
“และเราได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงตีร่างของผู้ตายด้วยบางส่วนของวัว ดังกล่าวนี้แหละที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงทำให้ผู้ตายมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง” ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 73
เราได้รับคำยืนยันจากอัลกุรอานว่า การทำให้ผู้ตายฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในดุนยา ไม่ใช่ด้วยอำนาจของนบีมูซาและพวกพ้อง แต่เป็นอำนาจแห่งพระองค์อัลลอฮ์แต่เพียงผู้เดียว และที่สำคัญก็คือมีตัวบทหลักฐานยืนยันชัดเจนจากอัลกุรอาน แต่ขณะที่ลัทธิชีอะห์อิหม่ามสิบสองพยายามทำให้บรรดาอิหม่ามของพวกเขามีอิทธิฤทธิ์ในเรื่องนี้ด้วย อย่างนี้ไม่ใช่เป็นการยกอิหม่ามเสมอพระองค์อัลลอฮ์อย่างนั้นหรือ
อีกตัวอย่างหนึ่งเกี่ยวกับกรณีของท่านนบีอีซา อลัยฮิสสลาม ที่จะกลับมาในดุนยานี้อีกครั้งก่อนวันกิยามะห์ ซึ่งความเชื่อของบรรดาผู้ศรัทธานั้นตรงตามที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวไว้ในอัลกุรอานคือ
وَمَا قَتَلُوْهُ وَمَا صَلَبُوْهُ وَلَكِن شُبِّهَ لَهُمْ
“และพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ฆ่าอีซาและไม่ตรึงอีซาไว้บนกางเขน หากแต่ถูกทำให้เหมือนแก่พวกเขา” (ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าได้ฆ่าอีซาแล้ว) ซูเราะห์อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 157
بَلْ رَفَعَهُ اللهُ اِلَيْهِ
“หากแต่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงยกเขาไว้ ณ.ที่พระองค์” ซูเราะห์อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 158
ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้ศรัทธาจึงเชื่อว่าท่านนบีอีซายังไม่ตายและจะกลับมาในดุนยานี้อีกครั้งดั่งที่ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
لَيُوْشِكَنَّ أنْ يَنْزِلَ فِيْكُمْ ابْنُ مَرْيَمَ
“ใกล้เวลามากแล้วที่อีซาลูกของมัรยัมจะลงมายังพวกเจ้า” ศอเฮียะห์บุคอรีย์ ฮะดีษเลขที่ 2070
ดังนั้นตามตัวบทหลักฐานจากอัลกุรอานและฮะดีษของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ยืนยันว่าท่านนบีอีซา ไม่ได้ถูกฆ่าและยังไม่ตาย แต่จะกลับมาในดุนยานี้อีกครั้งใกล้วันกิยามะห์ ในทำนองเดียวกันนี้ ลัทธิชีอะห์อิหม่ามสิบสองมีความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้อิหม่ามมะห์ดีของพวกเขาเป็นดั่งท่านนบีอีซา โดยจะกลับมาในดุนยาหลังจากที่หายตัวไปเป็นระยะเวลานับพันปี ทั้งที่ไม่มีตัวบทหลักฐานจากอัลกุรอานหรือฮะดีษมายืนยันตามความเชื่อของพวกเขาเลย นอกจากนั้น อิหม่ามมะห์ดีของลัทธิชีอะห์ ยังเป็นบุคคลที่เหล่าชีอะห์เองก็มีข้อพิพาทกัน บ้างก็ไม่เชื่อว่าอิหม่ามมะห์ดีย์มีตัวตนอยู่จริง เพราะอิหม่ามอัลอัสกะรีย์ไม่มีบุตรสืบทายาท ดังนั้นพวกเขาจึงไปเอาท่านญะอ์ฟัร น้องชายของอิหม่ามอัลอัสกะรีย์เป็นอิหม่ามลำดับที่ 12 ของพวกเขา
แม้กระนั้นก็ตามก็ยังมีชาวชีอะห์อีกส่วนหนึ่ง ประพันธ์นิยายเกี่ยวกับอิหม่ามมะห์ดีย์ของพวกเขา และยกให้เป็นบุคคลวิเศษมีอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ธรรมดา ทั้งเรื่องการดำรงชีวิตอยู่นับพันปี และการปรากฏกายของบุคคลผู้นี้ในช่วงใกล้วันอาคิเราะห์ ซึ่งบรรดาอุละมาอ์ของพวกเขาต่างก็ประพันธ์เรื่องอภินิหารเกี่ยวกับอิหม่ามผู้นี้กันอย่างแพร่หลาย อธิเช่น
أما لو قام قائمنا ردت الحميراء حتى يجلدها الحد وحتى ينتقم لابنة محمد صلى الله عليه وسلم وآله فاطمة عليها السلام
“หากอิหม่ามะห์ดีปรากฏกายขึ้น เขาจะทำให้แม่แก้มแดงฟื้นคืนชีพ (หมายถึงท่านหญิงอาอิชะห์) และจะนำนางมาลงโทษโดยการเฆี่ยนเป็นการล้างแค้นให้กับลูกสาวของมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม คือฟาติมะห์ อลัยฮิสสลาม” ตัฟซีรอัสศอฟีย์ ภาคที่ 2 หน้าที่ 108
عندما يرجع قائمنا فإنه يقوم بإحياء عائشة ويعذبها انتقاما لفاطمة
“เมื่ออิหม่ามมะห์ดีกลับมา เขาจะทำให้อาอิชะห์ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง และจะทรมานนางเพื่อล้างแค้นให้กับฟาติมะห์” จากหนังสือฮักกุ้ลยะกีน หน้าที่ 139
عندما يظهر الإمام المهدي فإنه يقوم بالقضاء على أهل السنة قبل الكفار ويبدأ عمله بقتل علماء أهل السنة
“เมื่ออิหม่ามมะห์ดีปรากฏกายขึ้น เขาจะทำการพิพากษาต่อชาวซุนนะห์ก่อนบรรดากาเฟร โดยเขาจะเริ่มภารกิจด้วยการสังหารบรรดาผู้รู้ของชาวซุนนะห์ก่อนเป็นอันดับแรก” จากหนังสือฮักกุ้ลยะกีน หน้าที่ 139
ในขณะที่ชาวชีอะห์ตะโกนบอกกับมุสลิมโดยทั่วไปว่า เราเหมือนกัน..เราเป็นพี่น้องกัน แต่ตำราของพวกเขากลับเผยความเชื่อที่ค้านกับอัลกุรอาน และฮะดีษของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งไม่ใช่ความเชื่อของมุสลิมทั้งโลก แต่ความเชื่อเรื่อง “รอญจ์อะห์” หรือการกลับชาติมาเกิดของชีอะห์นี้เป็นดั่งความเชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดในศาสนาพุทธ นอกจากนั้นเรายังได้เห็นการฝังรักฝังแค้นตามนิยายที่พวกเขาประพันธ์ขึ้น ทำให้นึกถึงหนังจีนกำลังภายในที่มีคำพูดติดปากว่า บุญคุณต้องทดแทนแค้นต้องชำระ และนี่คือสาระของศาสนาชีอะห์ ไม่ใช่ศาสนาอิสลาม
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.