ข้อความกล่าวร้ายโจมตีท่านอุมัร อิบนุ ค๊อตต๊อบ ปรากฏให้เห็นตามเว็บไซต์ของชีอะฮ์ภาคภาษาอาหรับอย่างดาษดื่น โดยเฉพาะ ถ้อยคำที่อ้างว่า ท่านอาลี อิบนิ อบีตอลิบ กล่าวประณามท่านอุมัร อิบนุ ค๊อตต๊อบ ในกรณีสั่งห้ามนิกะห์มุตอะฮ์ ซึ่งเว็บไซต์ของชีอะฮ์ภาคภาษาไทย ก็ไปก๊อปข้อความเหล่านั้นมาแปล แล้วกระพือถ้อยความดังกล่าวในหมู่ผู้คนที่ไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ตัวอย่างเช่น
روي عن امام المتقين علي بن ابي طالب لولا تحريم عمر المتعة ما زنى إلا شقي
อิมามแห่งบรรดาผู้สำรวมตน อะลี บิน อะบี ฏอลิบ กล่าวว่า "หากไม่เป็นเพราะอุมัร สั่งห้ามมุตอะฮ์ จะไม่มีการทำซินา นอกจากคนชั่วร้าย เท่านั้น"
ข้อความที่แสดงข้างต้นนี้ ทั้งภาษาอาหรับและความหมายภาษาไทย ได้นำมาจากเว็บไซต์ของชีอะฮ์ ชื่อยอมใหญ่ โดยผู้เขียนใช้ชื่อว่า israya และบุคคลผู้ใช้นามแฝงเดียวกันนี้ก็เคยนำข้อความทำนองนี้มาโพสไว้ที่เว็บ www.moradokislam.org ด้วยเช่นกันว่า
ในหนังสือญามิอุลบะยานของอิบนุ ญะรีร อัฏฏอบรีย์ เล่ม 5 หน้า 19 ระบุว่า โองการนี้ยังไม่ถูกยกเลิก
ثنا شعبة، عن الحكم، قال: سألته عن هذه الآية: * (والمحصنات من النساء إلا ما ملكت أيمانكم) * إلى هذا الموضع: * (فما استمتعتم به منهن) * أمنسوخة هي؟ قال: لا. قال الحكم: قال علي رضي الله عنه: لولا أن عمر رضي الله عنه نهى عن المتعة ما زنى إلا شقي.
ชุอ์บะ เล่าจากฮิกัม กล่าวว่า ข้าพเจ้าถามเกี่ยวกับอายะนี้ จนถึง ข้อความนี้ ดังนั้นสตรีใดที่พวกเจ้าแสวงหาความสุขกับนาง ก็จงมอบให้แก่พวกนางซึ่งสินตอบแทนตามที่ได้กำหนดไว้ และไม่เป็นความบาปใดๆแก่พวกเจ้า ว่าถูกยกเลิกแล้วหรือยัง ? เขาตอบว่า ไม่ยกเลิก ฮิกัมกล่าวว่า ท่านอะลี ร ฎ กล่าวว่า ถ้าหากอุมัรไม่ได้ห้ามจากการมุตอะ การซินาจะไม่มี นอกจากคนที่ชั่วร้ายจริงๆ
ดูเหมือนข้อความเหล่านี้จะเป็นหลักฐานต้นพระเอก ที่ชีอะฮ์จะใช้อ้างแก่บุคคลทั่วไปว่า ขนาดท่านอาลีก็ยังรับไม่ได้กับการที่ท่านอุมัรออกคำสั่งห้ามเรื่องมุตอะฮ์ แต่ถ้าผู้อ่านฉุกคิดสักนิดว่า หากท่านอาลีไม่พอใจในคำสั่งห้ามของท่านอุมัรจริง แล้วเพราะใด เมื่อท่านอาลีได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์หลังจากนั้น ทำไมท่านจึงไม่ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามของท่านอุมัรเล่า หรือชีอะฮ์จะอ้างว่า
“ครั้นมาถึงสมัยท่านอะลี ท่านก็ได้แต่ให้ความคิดเห็นในเรื่องนิกาห์มุตอะว่า ถ้าหากท่านหวนย้อนประกาศว่านิกาห์มุตอะยังอนุญาตให้กระทำได้ เหมือนในสมัยนบีแล้วไซร้ แน่นอนเหล่าบรรดาขุนทหารของผู้ปกครองคนเดิมๆที่รับราชการอยู่จำนวนมาก จะต้องแปรพักตร์และตีตัวออกจากท่านอย่างแน่นอน แล้วพวกเขาจะกล่าวหาท่านว่า เข้ามาเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบชองคอลีฟะคนก่อนๆ และเมื่อนั่น ท่านอาจยืนอยู่คนเดียว จึงได้แต่อดทน”
คำพูดเช่นนี้เป็นการดูถูกท่านอาลีอย่างร้ายแรง แสดงให้เห็นว่า ท่านเป็นคนขี้ขลาด ทั้งๆที่ท่านได้รับฉายาว่า ราชสีห์ และเท่ากับเป็นการประกาศว่า ท่านอาลีไม่มีศักยภาพในการเป็นผู้นำ หรือดูถูกท่านอาลีว่า คำนึงถึงตำแหน่งมากกว่าการเป็นผู้ยืนหยัดในความถูกต้อง แต่ท่านอาลีที่ชาวซุนนะฮ์รู้ถึงเกรียติประวัติของท่านนั้น ไม่ได้เป็นดังที่กล่าวมาแม้แต่น้อย
นอกจากนั้นยังมีตัวบทฮะดีสศอเฮียะฮ์ ที่รายงานว่า ท่านนบีได้สั่งห้ามนิกะฮ์มุตอะฮ์ โดยท่านอาลี เป็นผู้รายงานเอง ซึ่งระบุอยู่ในตำราบันทึกฮะดีสของชาวซุนนะห์ และตำราของชีอะฮ์เอง ดังนี้
จากตำราของชาวซุนนะฮ์
عَنْ عَليِ بْنِ أبِي طَالِبٍ رَضِىَ اللهُ عَنْهُ أنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلى اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ نَهَى عَنْ مُتْعَةِ النِسَاءِ يَوْمَ خَيْبَرَ وَعَنْ أَكْلِ لُحُوْمِ الحُمَرِ الإنْسِيَّةِ
“รายงานจากอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ แท้จริงท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ห้ามการมีเพศสัมพันธ์ชั่วคาราวกับสตรี ในวันคอยบัร และห้ามการกินเนื้อลาบ้าน” (ศอเฮียะฮ์บุคอรี ฮะดีสเลขที่ 3894 )
จากตำราของชีอะฮ์
محمد بن الحسن بإسناده عن محمد بن أحمد بن يحيى، عن أبي جعفر، عن أبي الجوزاء، عن الحسين بن علوان، عن عمرو بن خالد، عن زيد بن علي، عن آبائه عن علي عليه السلام قال: " حرّم رسول الله صلى الله عليه وآله يوم خيبر لحوم الحمر الأهلية ونكاح المتعة
มูฮัมหมัด บิน อัลหะซัน ด้วยสายรายงานของเขา จากมูฮัมหมัด บิน อะห์หมัด บิน ยะห์ยา จากอบียะอ์ฟัร จาก อบี อัลเญาซาอ์ จาก อัลฮุซัยน์ บิน อุลวาน จากอัมร์ บิน คอลิด จาก เซด บิน อาลี จาก บิดาของเขา จาก อาลี อะลัยฮิสสลาม กล่าวว่า “ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิ วะอาลิฮี ได้ห้ามเนื้อลาบ้านและการนิกะห์มุตอะฮ์” (วะสาอิลุชชีอะฮ เล่ม 14 หน้า 441 ฮะดีสเลขที่ 32 หมวดนิกะห์ บทที่ว่าด้วยเรื่อง นิกะห์มุตอะฮ์)
เมื่อเป็นคำสั่งห้ามของท่านนบีมาก่อนแล้ว เพราะเหตุใด ท่านอาลีจึงไม่พอใจในการที่ท่านอุมัร มาสำทับคำสั่งห้ามนี้ จนกระทั่งกล่าวถ้อยคำประณามว่า ”หากไม่เป็นเพราะอุมัร สั่งห้ามมุตอะฮ์ จะไม่มีการทำซินา นอกจากคนชั่วร้าย เท่านั้น" ท่านอาลีได้กล่าวถ้อยคำประณามท่านอุมัร ไว้จริงหรือ เราจะไปตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้กันดังนี้
ชีอะฮ์ได้อ้างว่า ได้นำถ้อยคำประณามนี้มาจากหนังสือญามิอุลบะยานของอิบนุ ญะรีร อัฏฏอบรีย์ เล่ม 5 หน้า 19 และนี่คือต้นกำเนิดของเรื่องนี้ และเมื่อเราตรวจสอบตามการกล่าวอ้างก็พบสายรายงานระบุไว้ดังนี้
حدثنا محمد بن المثنى قال حدثنا محمد بن جعفر قال حدثنا شعبة عن الحكم
อิบนุ ญะรีร กล่าวว่า : มูฮัมหมัด อิบนุ อัลมุซันนา เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า มูฮัมหมัด บิน ญะอ์ฟัร เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า ชัวอ์บะฮ์ เล่าให้เราฟัง จากอัลฮะกัม
นอกจากข้อความต้นเรื่องที่ถูกระบุอยู่ในตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ แล้ว ยังมีตำราอีกหลายเล่มที่คัดลอกข้อความนี้ไปอ้างต่อๆ กัน แต่ทั้งหมดล้วนแต่มีที่มาจากแหล่งเดียวกันคือ อ้างคำรายงานของ อัลฮะกัม แล้วชีอะฮ์ก็ฉกฉวยเอามาอ้างว่า มีบันทึกอยู่ในตำราของชาวซุนนะฮ์ หรือนำมาจากตำราของซุนะฮ์ เป็นต้น
ความจริงแล้ว ชีอะฮ์มักจะใช้วิธีอ้างเช่นนี้ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง เพียงให้มีข้อความที่พวกเขาต้องการอยู่ในตำราของชาวซุนนะฮ์เท่านั้นก็เพียงพอ หรือบางครั้งเรื่องที่ถูกระบุอยู่ในตำราเดียวกัน มาตรฐานเดียวกัน พวกเขาก็จะเอาเฉพาะที่พวกเขาต้องการมากล่าวอ้าง แล้วปฏิเสธข้อความอื่นๆ
เมื่อเราตรวจสอบประวัติผู้รายงานแต่ละคนโดยสังเขปก็จะพบว่า
1 - อิบนุญะรีร อัตตอบารีย์ เจ้าของหนังสือตัฟซีร ญามิอุ้ลบะยาน เสียชีวิตในปีที 310 ฮิจเราะฮ์
2 - มูฮัมหมัด อิบนุ อัลมุซันนา เป็นตาบีอิตตาบีอิตตาบีอีนอวุโส มีฉายาว่า อบูมูซา มีถิ่นฐานอยู่ที่เมืองบัศเราะฮ์ และเสียชีวิตที่เมืองบัศเราะฮ์ ในปีที่ 252 ฮิจเราะฮ์
3 - มูฮัมหมัด บิน ญะอ์ฟัร เป็นตาบีอิตตาบีอีน รุ่นเยาว์ มีฉายาว่า อบูอับดิลลาฮ์ และมีสร้อยว่า ฆุนดัร มีถิ่นฐานอยู่เมืองบัศเราะฮ์ และเสียชีวิตที่เมืองบัศเราะฮ์ ในปีที่ 193 ฮิจเราะฮ์
4 - ชัวอ์บะฮ์ บิน อัลฮัจญาจญ์ เป็นตาบีอิตตาบีอีน อวุโส มีถิ่นฐานอยู่ที่เมืองบัศเราะฮ์ และเสียชีวิตที่เมืองบัศเราะฮ์ ในปีที่ 160 ฮิจเราะฮ์
5 - อัลฮะกัม บิน อุตัยบะห์ เป็นตาบีอีน รุ่นเยาว์ มีถิ่นฐานอยู่เมืองกูฟะห์ เกิดในปีที่ 50 ฮิจเราะฮ์ และเสียชีวิตที่เมืองกูฟะห์ ในปีที่ 113
สายรายงานนี้สุดที่ อัลฮะกัม บิน อุตัยบะห์ แล้วกระโดดข้ามไปถึงท่านอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ ซึ่งในตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ ก็กล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า
قال الحكم وقال علي رضى الله عنه
อัลฮะกัม กล่าวว่า และท่านอาลี รอฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
ประเด็นที่เราพิสูจน์ทราบก็คือ
1 – ในสารบบนักรายงานฮะดีส ผู้เป็นครูและศิษย์นั้น อัลฮะกัม บินอุตัยบะฮ์ ไม่เคยเป็นครู เป็นศิษย์กับท่าน อาลี อิบนิ อบีฏอลิบ
2 – ท่านอาลี เสียชีวิตปีที่ 40 ฮิจเราะฮ์ ในขณะที่ อัลฮะกัม เกิดปีที่ 50 ฮิจเราะฮ์ เขาเกิดหลังจากท่านอาลีเสียชีวิตไปแล้วตั้ง 10 ปี
ดังนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่จะกล่าวว่า อัลฮะกัม ได้ฟังคำพูดนี้มาจากท่านอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ ด้วยตนเอง หรือหากจะอ้างว่า อัลฮะกัม ได้ฟังคำพูดนี้มาจากบุคคลอื่นที่ได้ยินมาจากท่านอาลีอีกทอดหนึ่ง แล้วผู้ที่กล่าวถึงในที่นี้คือใคร ซึ่งไม่มีตัวตนที่จะนำมาระบุในสายรายงานได้เพราะฉะนั้นข้อความที่อ้างว่า ท่านอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ เป็นคนพูดประณามท่านอุมัรในเรื่องมุตอะฮ์นั้น จึงเป็นการกล่าวเท็จ ใส่ความท่านอาลี
เรามักจะได้ยินกันบ่อยครั้งว่า ชีอะฮ์นั้นรักและเทิดทูน ท่านอาลี จนยกให้เป็นอิหม่ามลำดับที่หนึ่งของพวกเขา แต่เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้น แทนที่พวกเขาจะปกป้องท่านอาลี พวกเขากลับแอบอ้าง โกหกใส่ความท่านอาลีเสียเอง
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.