มีผู้ฝากข้อความที่อ้างว่าเป็นฮะดีษศอเฮียะห์ จากการนำเสนอของชีอะฮ์มาให้ผมตรวจสอบดังนี้
حَدَّثَنَا أَبُوْ بَكْرٍ مُحَمَّدُ بْنُ حَيُّوَيْهِ بْنِ الْمُؤَمَّلِ الْهَمْدَانِيِّ ثَنَا إِسْحَاقُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ بْنِ عَبَّادِ أنَا عَبْدُ الرَّزَّاقِ بْنُ هَمَّامٍ حَدَّثَنِيْ أَبِيْ عَنْ مِينَاءَ بْنِ أَبِيْ مَيْنَاءَ مَوْلَى عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَوْفٍ قَالَ خُذُوْا عَنِّيْ قَبْلَ أَنْ تَشَابَ الْأَحَادِيْث بِالْأَبَاطِيْل سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ : أَنَا الشَّجَرَةُ وَفَاطِمَةُ فَرْعُهَا وَعَلِيٌّ لَقَاحُهَا وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ ثَمَرَتُهَا وَشِـيْعَتُنَا وَرَقُهَا وَأَصْلُ الشَّجَرَةِ فِيْ جَنَّةِ عَدْنٍ وَسَائِرُ ذلِكَ فِيْ سَائِرِ الْجَّـنَّةِ
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)กล่าวว่า : ฉันคือต้นไม้ ฟาติมะฮ์คือกิ่งก้าน อะลีคือเกสร ฮาซันกับฮูเซนคือผลไม้ และชีอะฮ์ของเราคือใบไม้ของมัน รากต้นไม้นี้อยู่ในญันนะตุอัดนิน และทั้งหลายนั้นจะได้อยู่ในญันนะฮ์ทั้งหลาย
( قال الحاكم ) إسحاق الدبري صدوق وعبد الرزاق وأبوه وجده ثقات وميناء مولى عبد الرحمن بن عوف قد أدرك النبي صلى الله عليه وسلم وسمع منه والله أعلم
อัลฮากิม กล่าวว่า อิสฮ๊าก อัดดุบรี ซ่อดูก(เชื่อถือได้) , อับดุลร่อซ๊ากและบิดาเขาและปู่เขา เชื่อถือได้ในการรายงาน และมีนาอฺ คนรับใช้อับดุลเราะห์มาน บินอูฟเขาอยู่ทันท่านนบี(ศ)และได้ฟัง(หะดีษ)จากท่าน วัลลอฮุอะอฺลัม.
อ้างอิงจากหนังสือ อัลมุสตัดรอก อะลัซ- เศาะฮีฮัยนฺ โดยอัลฮากิม เล่ม 3 ฮะดีษที่ 4755
วิจารณ์การนำเสนอของชีอะฮ์
การโกหก บิดเบือน กลายเป็นเรื่องปกติวิสัยสำหรับชีอะฮ์ โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลวิชาการ ที่พวกเขาจะไปคัดลอกข้อความบางส่วนจากตำราของชาวซุนนะห์ เอามาแอบอ้างในลักษณะตัดตอนเพื่อเป็นหลักฐานให้แก่แนวคิดของลัทธิตนเอง นอกจากนั้น พวกเขายังไม่ยอมที่จะเอามาตรฐานการตรวจสอบของชาวซุนนะห์มาเป็นมาตรวัดความถูกต้อง
เมื่อเราไปตรวจสอบ ข้อความจากหนังสือ อัลมุสตัดร๊อก อะลัสศอฮีฮัยนี ของท่านฮากิม ก็จะพบข้อความสมบูรณ์ดังนี้
حدثنا أبو بكر محمد بن حيويه بن المؤمل الهمداني ، ثنا إسحاق بن إبراهيم بن عباد ، أنا عبد الرزاق بن همام ، حدثني أبي ، عن ميناء بن أبي ميناء مولى عبد الرحمن بن عوف ، قال : خذوا عني قبل أن تشاب الأحاديث بالأباطيل ، سمعت رسول الله صلى الله عليه وسلم يقول : « أنا الشجرة وفاطمة فرعها ، وعلي لقاحها ، والحسن والحسين ثمرتها ، وشيعتنا ورقها ، وأصل الشجرة في جنة عدن ، وسائر ذلك في سائر الجنة » « هذا متن شاذ ، وإن كان كذلك فإن إسحاق الدبري صدوق ، وعبد الرزاق وأبوه وجده ثقات ، وميناء مولى عبد الرحمن بن عوف قد أدرك النبي صلى الله عليه وسلم وسمع منه ، والله أعلم »
ข้างต้นนี้คือข้อความโดยสมบูรณ์ ที่ไม่ได้ตัดต่อเหมือนดั่งที่ชีอะฮ์นำมาแสดง แต่ก่อนที่เราจะไปพิจารณาถึงสถานะของฮะดีษ ขอแจ้งข้อมูลเบื้องต้นให้ท่านได้ทราบก่อนว่า
การพิจารณาและให้สถานะแก่ฮะดีษนั้น มีองค์ประกอบหลักอยู่ 3 ประการด้วยกันคือ 1 – พิจารณาสายรายงาน 2 – พิจารณาตัวผู้รายงาน 3 – พิจารณาเนื้อหาคำราย
การพิจารณาในองค์ประกอบหลักสามประการนี้ หากข้อหนึ่งใดมีข้อบกพร่องตามมาตรฐานทางวิชาการ ก็จะทำให้ข้อความนั้น กลายเป็นฏออีฟ (อ่อน) หรือ เมาฏัวอ์ (เก้)
ประการที่หนึ่ง
ท่านฮากิม ผู้เป็นเจ้าของบันทึก ได้แจ้งสถานะของตัวบทว่า هذا متن شاذ แปลว่า “ตัวบทนี้มั่ว” นี่คือข้อความจากเจ้าของบันทึกเอง ที่ชีอะฮ์ไม่ยอมนำเสนอ เพราะคำพูดเพียงเท่านี้ ก็ทำให้ข้อความที่ชีอะฮ์นำเสนอ หมดราคาและคุณค่าลงทันที ด้วยเหตุนี้ เขาจึงใช้วิธีการตัดข้อความซึ่งเป็นคำวิจารณ์ของท่านฮากิม ออกไป และนี่คือ การทุจริตทางวิชาการ
ประการที่สอง
ท่านฮากิม ได้แจ้งว่า มีนาอ์ ซึ่งเป็นคนรับใช้ของท่านอับดุลเราะห์มาน บิน เอาวฟ์ ทันได้พบกับท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งการพูดเช่นนี้ เป็นการให้สถานะแก่ มีนาอ์ ว่า เป็นศอฮาบะห์คนหนึ่งของท่านนบีด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อเราได้ตรวจสอบจากตำราจำแนกบุคคลว่าใครคือศอฮาบะห์ของท่านนบี เช่น หนังสือ อัลอิศอบะห์ ฟีตัมยีซิสศอฮาบะห์ ของท่านอิบนุ ฮะญัร ก็จะพบว่า
قوله إن مينا أدرك النبي صلى الله عليه و سلم وسمع منه مردود لأن مينا أخبر عن نفسه أنه ولد بعد النبي صلى الله عليه و سلم فذكر أنه احتلم حين بويع لعثمان وذلك في آخر سنة ثلاث وعشرين من الهجرة فيكون مولد مينا في آخر العصر النبوي
คำพูดของเขาที่ว่า มีนาอ์ ได้ทันพบกันท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และได้ยินคำพูดมาจากท่านนบีนั้น เป็นโมฆะ เนื่องจาก มีนาอ์ ได้บอกถึงสถานะของตนเองว่า เขาเกิดหลังจากท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม โดยเขาทบทวนให้ฟังว่า เขาบรรลุศาสนภาวะขณะที่ อุสมาน ได้รับการสัตยาบัน (ให้ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์) ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้อยู่ในช่วงปลายปีที่ 23 ฮิจเราะห์ศักราช ดังนั้นการเกิดของ มีนาอ์ จึงเป็นช่วงปลายสมัยของท่านนบี (อัลอิศอบะห์ ฟีตัมยีซิสศอฮาบะห์ 6/390)
หากกล่าวว่า มีนาอ์ เกิดหลังจากท่านนบีเสียชีวิต แน่นอนว่า เขาไม่มีโอกาสได้ฟังคำของท่านนบี แต่ถ้าเราจะอนุโลมให้ว่า เขาเกิดปลายสมัยของท่านนบี ก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกันที่ มีนาอ์ จะฟังและจดจำคำพูดของท่านนบีตั้งแต่ยังเป็นทารกแบเบาะ
ประการที่สาม
ท่านฮาฟิซ อัสซะฮะบีย์ กล่าวว่า มีนาอ์ อิบนุ อบีมีนาอ์ นั้นไม่มีผู้ใดรายงานต่อจากเขานอกจาก ฮัมมาม อัลศอนอานีย์ บิดาของ อับดุลรอซากอบูฮาติม กล่าวว่า เป็นเท็จ, อิบนุมะอีนและอัลนาซาอีย์ กล่าวว่า ไม่น่าเชื่อถือ และอัลดารุลกุฏนีย์ กล่าวว่า เขาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้อุปโลกน์ฮะดีษ (มีซาลนุ้ลเอียะอ์ติดาล เล่ม 4 หน้าที่ 237)
ประการที่สี่
อิบนุ อัลเญาซีย์ ได้นำเอาฮีษบทนี้บันทึกไว้ในหนังสือรวมบรรดาฮะดีษอุปโลกน์ ชื่อ อัลเมาฏัวอาต แล้วแจ้งสถานะให้ทราบว่า “เป็นฮะดีษอุปโลกน์ขึ้นมาเอง” (อัลเมาฏัวอาต เล่ามที่ 2 หน้าที่ 5)เชคอัลบานี นักวิชาการฮะดีษร่วมสมัย ได้แจ้งสถานะว่าเป็นอะดีษอุปโลกน์ เช่นเดียวกัน (อัลซิลซิละห์ อัลฏออีฟะห์ ลำดับที่ 3286)
บทสรุปของเราก็คือ ชีอะฮ์ได้นำเอาเรื่องเท็จมาแสดงเป็นหลักฐาน ด้วยวิธีการตัดตอนข้อความ และมันคือ ความเท็จซ้อนความเท็จ หรือโกหกยกกำลังสอง นั่นเอง
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.