การกล่าวเท็จต่อท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม นับเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวด โดยมีผลทำให้ศาสนาอันบริสุทธิ์ที่เป็นวะฮีย์นั้น เกิดความมัวหมอง และทำให้บรรดาผู้คนมีความเชื่อและการปฏิบัติที่ผิดต่อบัญญัติของศาสนา คำพูดของท่านนบีนั้นเป็นสิ่งที่บรรดาผู้ศรัทธาต้องถือปฏิบัติตา,
นอกจากนั้นแล้วอันตรายของผู้ทีกล่าวเท็จต่อท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก็คือที่พำนักของพวกเขาในไฟนรก ดังนั้นการกล่าวอ้างถ้อยคำใดๆ จากท่านนบีนั้นจึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้รอบคอบ มิใช่นำมากล่าวเพื่อความสะใจ หรือเพื่อเป็นหลักฐานหักล้างฝ่ายตรงข้าม
และข้อความต่อไปนี้คือสิ่งที่ชีอะห์นำมาแสดง แล้วอ้างว่าเป็นคำพูดของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และสำทับว่าเป็นฮะดีษศอเฮียะห์ ปรากฏข้อความต่อไปนี้
قال أبو سعيد الخدري رضي الله عنه ، قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : « إن أهل بيتي سيلقون من بعدي من أمتي قتلا وتشريدا ، وإن أشد قومنا لنا بغضا بنو أمية ، وبنو المغيرة ، وبنو مخزوم »
قال الحاكم هذا حديث صحيح الإسناد ، ولم يخرجاه
"ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า : แท้จริงอะฮ์ลุลบัยต์ของฉันจะต้องเผชิญกับการถูกสังหารและถูกขับไล่ภายหลังจากฉันจากไป และแท้จริงหมู่ชนที่ชิงชังอาฆาตพวกเรามากที่สุดคือ คนตระกูลอุมัยยะฮ์ ตระกูลมุฆีเราะฮ์และตระกูลมัคซูม
สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ
ดูอัลมุสตัดร็อก อัลฮากิม เล่ม 19 หน้า 398 หะดีษที่ 8638
อัลฮากิมกล่าวว่า อิสนาดหะดีษนี้ ซอฮี๊ฮฺตามเงื่อนไขของท่านบุคอรีและมุสลิม
قال الذهبي : هذا حديث صحيح الإسناد و لم يخرجاه
อัซซะฮะบีกล่าวว่า อิสนาดหะดีษนี้ ซอฮี๊ฮฺตามเงื่อนไขของท่านบุคอรีและมุสลิม"
หากเราอ่านข้อความตามที่ชีอะห์ได้เสนอโดยทราบที่มาที่ไป ก็อาจจะหลงเคลิ้มว่า เป็นจริงตามนั้น แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว มันคือความเท็จที่พิสูจน์ได้ดังนี้
ประการที่หนึ่ง
ดูเหมือนว่าคำยืนยันของ “อัลฮากิม” ในตอนท้ายของฮะดีษที่ว่า “อิสนาดของฮะดีษนี้ ศอเฮียะห์ตามเงื่อนไขของบุคอรีและมุสลิม” จะเป็นถ้อยคำที่ชีอะห์มั่นอกมั่นใจหนักหนา จนทึกทักเอาเองว่า “สถานะของฮะดีษนี้ “ศอเฮียะห์”
เราไม่ทราบว่า เหล่าชีอะห์ไม่เข้าใจหลักพิจารณาฮะดีษหรือว่าแกล้งเขลากันแน่ เพราะการพิจาณาสถานะฮะดีษนั้นประกอบด้วยสามหลักใหญ่ๆ สามประการดังนี้คือ
1 – สายรายงาน
2 – ตัวผู้รายงาน
3 – เนื้อหาคำรายงาน
การจะให้สถานะฮะดีษนั้นมิใช่พิจารณาว่าข้อหนึ่งข้อใดถูกต้องก็จะถือว่าฮะดีษนั้นศอเฮียะห์เลยทีเดียว แต่จะต้องพิจารณาทั้งสามประการ ตัวอย่างเช่น ฮะดีษบทใดที่สายรายงานดี แต่ตัวผู้รายงานเชื่อถือไม่ได้ สถานะของฮะดีษนี้คือ ฏออีฟ หรือ เมาฏัวอ์ ไม่ใช่ฮะดีษศอเฮียะห์
เช่นเดียวกับกรณีนี้ ที่อัลฮากิม กล่าวว่า สายรายงานดี “ศอเฮียะห์” แต่ตัวผู้รายงานเป็นเช่นใด มีปัญหาหรือไม่ เชื่อถือได้หรือเปล่านั้น เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ อัลฮากิม ไม่ได้วิจารณ์ เพราะฉะนั้น การที่ชีอะห์หยิบเอาคำวิจารณ์สายรายงานเพียงถ้อยคำที่ว่า สายรายงานดี แล้วเหมารวมว่า ฮะดีษนี้ “ศอเฮียะห์” จึงเป็นคำพูดที่ไม่มีแก่นสารและไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการพิจารณาฮะดีษ
ประการที่สอง
บรรดาผู้พิจารณาฮะดีษตามองค์ประกอบหลักสามประการข้างต้นนั้น จะเป็นที่รู้จักในแวดวงของนักฮะดีษหลายคนด้วยกัน ซึ่งบางคนก็มีความละเอียดรอบคอบ และบางคนก็ไม่พิถีพิถันในการตรวจสอบเท่าที่ควร ดังนั้นบรรดานักวิชาการจึงจัดกลุ่มผู้พิจาณาฮะดีษไว้สามกลุ่มด้วยกันคือ
1 – บรรดาผู้ที่มีความละเอียดรอบคอบ ( المتشددين ) เช่น ชัวอ์บะห์ บิน อัลฮัจญาจ, ยะห์ยา บิน มะอีน, อิหม่ามบุคอรี, อบูฮาติม อัรรอซีย์, ซุฟยาน อิบนุ อุยัยนะห์ เป็นต้น
2 – บรรดาผู้มีความพิถีพิถันปานกลาง ( المعتدلين ) เช่น อบูซุรอะห์, อัลดารุกุฏนีย์, อิบนุ อดีย์ อบูดาวูด เป็นต้น
3 – บรรดาผู้ไม่รอบคอบและพิถีพิถันในการพิจารณาฮะดีษ ( المتساهلين ) เช่น ติรมีซีย์, อิบนุ ฮัซิน และ อัลฮากิม เป็นต้น
เมื่อท่าน อัลฮากิม อยู่ในกลุ่มของผู้ที่ไม่รอบคอบและพิถีพิถัน ดังนั้นการให้สถานะของเขาแก่ฮะดีษบทใดก็ตาม จึงไม่เป็นที่ไว้วางใจของบรรดานักวิชาการ จำเป็นต้องตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง เช่นเดียวกับฮะดีษที่ชีอะห์นำมาเสนอนี้
เมื่อเราสอบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ก็พบว่า นักวิชาการได้วิพากษ์การให้สถานะของ อัลฮากิม ต่อสายรายงานของฮะดีษบทนี้ว่า
7619 - إن أهل بيتى سيلقون من بعدى من أمتى قتلا وتشريدا وإن أشد قوما لنا بغضا بنو أمية وبنو المغيرة وبنو مخزوم (نعيم بن حماد فى الفتن ، والحاكم عن أبى سعيد)
أخرجه نعيم بن حماد (1/131 ، رقم 319) ، والحاكم (4/534 ، رقم 8500) وقال : صحيح الإسناد . وتعقبه الذهبى فى التلخيص قائلا : لا والله كيف وإسماعيل متروك ثم لم يصح السند إليه
7619 – แท้จริงอะฮ์ลุลบัยต์ของฉันจะต้องเผชิญกับการถูกสังหารและถูกขับไล่ภายหลังจากฉันจากไป และแท้จริงหมู่ชนที่ชิงชังอาฆาตพวกเรามากที่สุดคือ คนตระกูลอุมัยยะฮ์ ตระกูลมุฆีเราะฮ์และตระกูลมัคซูม ( นุอัยม์ บิน ฮัมมาด กล่าวไว้ใน อัลฟิตัน และอัลฮากิม เป็นรายงานของฮบี สะอี๊ด อัลคุดรีย์ )
นุอัยม์ บิน ฮัมมาด ได้บันทึกไว้ใน (1/131 ลำดับที่ 319) , และ อัลฮากิม (4/534 ลำดับที่ 8500) และเขากล่าวว่า สายรายงานถูกต้อง แต่อัซซะฮะบีย์ ได้วิจารณ์ต่อท้ายใน “อัลตัลคีส” ว่า : ไม่ใช่เช่นนั้น ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ เป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ อิสมาอีล นั้นมัตรู๊ก ดังนั้นการอ้างรายงานถึงเขาจึงไม่ศอเฮียะห์
ข้างต้นนี้คือคำวิจารณ์ที่ระบุอยู่ในหนังสือ “ญามิอุ้ลอะฮาดีษ” ของท่านอิหม่ามสะยูตีย์ (8/428) ท่านสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้จากลิงค์ด่านล่างนี้
http://islamport.com/d/1/mtn/1/37/982.html?zoom_highlightsub=%E6%CA%D4%D1%ED%CF%C7
ประการที่สาม
ข้อความที่ชีอะห์ได้นำมาแสดงข้างต้นนี้ ระบุผู้รายงานในระดับศอฮาบะห์คือ อบูสอี๊ด อัลคุดรีย์ แต่ไม่ได้ระบุชื่อผู้รายงานในลำดับถัดมา ดังนั้นเราจึงต้องนำมาแสดงให้ท่านเห็นดังนี้
المستدرك [ جزء 4 - صفحة 534 ]
8500 - أخبرني محمد بن المؤمل بن الحسن حدثنا الفضل بن محمد ثنا نعيم بن حماد ثنا الوليد بن مسلم عن أبي رافع إسماعيل بن رافع عن أبي نضرة قال : قال أبو سعيد الخدري رضي الله عنه : قال رسول الله صلى الله عليه و سلم : إن أهل بيتي سيلقون من بعدي من أمتي قتلا و تشريدا و إن أشد قومنا لنا بغضا بنو أمية و بنو المغيرة و بنو مخزوم
هذا حديث صحيح الإسناد و لم يخرجاه
อัลมุสตัดร๊อก [ ญุชที่ 4 – หน้าที่ 534 ]
8500 – มูฮัมหมัด บิน อัลมุอัมมัล บิน อัลฮะซัน ได้บอกกับฉันว่า อัลฟัฏล์ บิน มูฮัมหมัด เล่าให้เราฟังว่า นุอัยม์ บิน ฮัมมาด เล่าให้เราฟังว่า อัลวะลีด บิน มุสลิม เล่าให้เราฟัง จากอบี รอเฟียะอ์ อิสมาอีล บิน รอเฟียะอ์ จาก อบีนัฏเราะห์ กล่าวว่า อบูสอี๊ด อัลคุดรีย์ รอดิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า........
สายรายงานและผู้รายงานตามที่นำมาแสดงนี้ เราได้เห็นว่า ผู้รายงานที่ชื่อ อบีรอเฟียะอ์ หรือ อิสมาอีล บินรอเฟียะอ์ นั้นท่าน อัสซะฮะบีย์ ได้วิจารณ์ว่า มัตรู๊ก ตามที่ท่าน สะยูตีย์ ได้ระบุไว้ในหนังสือของท่าน (ดูประการที่สอง) และเมื่อเราได้ตรวจสอบสถานะของผู้รายงานรายนี้แล้วก็พบข้อเท็จจริงดังนี้
อะห์หมัด (อิบนิฮัมบัล) ยะห์ยา (บินมะอีน) และนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง ได้ให้สถานะฏออีฟ แก่เขา
อัลดารุกุฏนีย์ และคนอื่นๆ กล่าวว่า มัตรู๊ก กุ้ลฮะดีษ
อิบนุอดีย์ กล่าวว่า บรรดาฮะดีษที่เขารายงานทั้งหมดเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา
(มีซานุ้ลเอียะอ์ติดาล เล่มที่ 1 หน้าที่ 227)
บทสรุปของเราก็คือ ชีอะห์นำเอาการให้สถานะต่อสายรายงานโดย อัลฮากิม ว่า สายรายงานดี แล้วทึกทักเอาเองว่า ฮะดีษบทนี้ศอเฮียะห์ ทั้งๆที่ตัวผู้รายงานถูกตัดสินว่า เป็นคนฏออีฟ การกระทำเช่นนี้เป็นการปกปิด และบิดเบือนข้อเท็จจริงทางวิชาการ
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.