ตามที่คุณอุสมาน ลูกหยี ผู้กระทำการในนามคณะกรรมการฝ่ายประสานงานของชีอะห์ ได้ติดต่อให้ผมสนทนาวิชาการกับผู้รู้ของชีอะห์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 และผมได้ตอบรับที่จะสนทนาด้วยโดยไม่มีเงื่อนไขว่านักวิชาการของชีอะห์ที่จะสนทนาด้วยนั้นจะเป็นท่านใด
ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2553 ผู้ประสานงานฝ่ายชีอะห์ได้แจ้งให้ทราบว่า นักวิชาการของชีอะห์โดย ซัยยิด สุไลมาน ฮุซัยนี และคณะได้ตอบรับการเสวนาครั้งนี้เช่นกัน โดยประกาศเจตนารมณ์เป็นสาธารณะตามคำประกาศลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 และผู้ประสานของชีอะห์กับผมได้ตกลงกันว่าให้ทิ้งระยะเวลาไว้หนึ่งเดือน และนัดเจรจาในรายละเอียดของการเสวนาอีกครั้งในวันที่ 13 ธันวาคม 2553
ระหว่างนี้ผู้ประสานของชีอะห์ ได้ถือวิสาสะประกาศเรียนเชิญนักวิชาการซุนนะห์ท่านอื่นให้เข้าร่วมการเสวนาในครั้งนี้ด้วย จนทำให้ผมต้องออกหนังสือทักท้วง (อ้างถึงจดหมายเปิดผนึกถึงคุณอุสมาน ลูกหยี ฉบับที่หนึ่ง)
และก่อนการเจรจาครั้งที่สองจะมีขึ้นเพียงหนึ่งวัน (วันที่ 12 ธันวาคม 2553) คณะประสานงานของชีอะห์ได้ลงประกาศว่า ซัยยิด สุลัยมาน ฮุซัยนี ให้ประกาศเงื่อนไขของการเสวนา 4 ข้อคือ
1. ควรให้มีฝ่ายละไม่ต่ำกว่าสามคน
2. ไม่ควรจำกัดเรื่องระยะเวลา
3. ฝ่ายชีอะห์จะไม่กำหนดประเด็น
4.สถานที่ที่เป็นกลาง
นี่เป็นการตั้งเงื่อนไขขึ้นใหม่ หลังจากประกาศรับตอบรับการเสวนาแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 และผมเห็นว่า การกระทำเช่นนี้เป็นชี้นำมวลชน โดยมิได้แจ้งให้ผมซึ่งเป็นคู่เจรจาได้ทราบแต่อย่างใด ดังนั้น ผมจึงได้ทำหนังสือทักท้วงต่อฝ่ายประสานงานของชีอะห์ ตามจดหมายเปิดผนึกถึงอุสมานลูกหยีและคณะฉบับที่ 2
จะเห็นได้ว่า การเจรจาที่ผ่านมา ทางฝ่ายชีอะห์ได้กระทำการในนามคณะบุคคลคือ คุณอุสมาน ลูกหยี กระทำการในนามคณะกรรมการฝ่ายประสานของชีอะห์ และนักวิชการของชีอะห์ กระทำการในนาม ซัยยิด สุลัยมาน ฮุซัยนี และคณะ ส่วนผม (อ.ฟารีด เฟ็นดี้) ได้กระทำการในนามส่วนตัว เพียงคนเดียวมาโดยตลอด ตามที่ระบุข้อความในจดหมายเปิดผนึกถึงคุณอุสมานลูกหยี ฉบับที่หนึ่ง และคำยืนยันที่ปรากฏในเทปเสียงการเจรจาครั้งที่สอง
เรื่องนี้ฝ่ายชีอะห์ก็ทราบดีว่าติดต่อประสานงานกับผมโดยตรงมาตลอด และนักวิชาการของชีอะห์ก็ทราบดี และตอบรับการเสวนากับผมตามที่ปรากฏต่อสาธารณะ แล้วมิทราบว่า เชคริฏอ และ อ.มุรีด เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเจรจาในครั้งนี้ได้อย่างไร จนกระทั่งชีอะห์นำไปเป็นเงื่อนไขปฏิเสธการสนทนาวิชาการระหว่างผม กับซัยยิด สุลัยมานและคณะ
หลังจากนั้น ซัยยิด สุลัยมาน และคณะ ได้ออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อเท็จจริงของการเจรจาแล้ว และยังได้ใส่ร้ายผมและนักวิชาการท่านอื่นตามที่ปรากฏข้อความในแถลงการณ์ดังนี้
“ข้าพเจ้าไม่อาจเข้าร่วมแผนการอันจอมปลอมนี้ได้ ข้าพเจ้าและคณะพร้อมทันทีที่ทราบว่า คณะบุคคลผู้มีอุดมการณ์เดียวกันนี้ อันประกอบไปด้วย อ. ฟารีด เฟ็นดี้ เชค ริฏอ อะห์หมัด สมะดี และ อ.มุรีด ทีมะเสน ยืนยันพร้อมกันถึงแนวทางการเสวนาว่าเป็นทางออกของการยุติความขัดแย้งทาง สังคมได้ และพร้อมเปิดเวทีเสวนาอย่างเป็นวิชาการเต็มรูปแบบ เป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคมสืบไป”
ขอยืนยันว่า ข้อความของ ซัยยิด สุลัยมาน ฮุซัยนี และคณะเป็นความเท็จ, เป็นการบิดเบือนและใส่ร้ายอย่างน่ารังเกียจ สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับผมและนักวิชาการท่านอื่นๆและขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมฟารีด เฟ็นดี้ ได้กระทำการเป็นส่วนตัวเพียงลำพัง มิได้สมคบคิดกับผู้ใดในการวางแผนกระทำการไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม และตั้งแต่ที่ฝ่ายประสานงานของชีอะห์ติดต่อกับผมให้เสวนากับนักวิชการของชีอะห์ จนกระทั่งถึงขณะนี้ ผมก็ยังไม่เคยพบหรือติดต่อกับเชคริฏอ และ อ.มุรีด ด้วยวิธีการใดๆเลย ดังนั้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของผู้กล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหา ผมจึงเชิญชวนให้ ซัยยิด สุลัยมาน ฮุซัยนี และคณะได้ทำการ “มุบาฮะละห์” ร่วมกับผมดังนี้
มุบาฮะละห์
ข้าพเจ้า ฟาริด เฟ็นดี้ ได้รับการติดต่อจากฝ่ายประสานงานของชีอะห์ให้สนทนาวิชาการกับผู้รู้ของชีอะห์คือซัยยิด สุลัยมาน ฮุซัยนี และคณะ ซึ่งการติดต่อประสานงานที่ผ่านมาเป็นการกระทำของผมโดยส่วนตัว มิใช่ในนามองค์กร,สถาบัน และคณะบุคคลใด มิได้ร่วมมือและหรือสมคบคิดกับผู้ใดในการวางแผนการจอมปลอมตามที่ ซัยยิด สุลัยมาน ฮุซัยนี และคณะได้กล่าวหา
โอ้ข้าแต่อัลลอฮ์ หากคำยืนยันของข้าฯ เป็นความจริง ขอให้พี่น้องมุสลิมได้เห็นสัจธรรมและปลอดภัยจากการมุสาของซัยยิด สุลัยมาน และคณะ และหากคำยืนยันของข้าฯเป็นเท็จ ขอพระองค์ทรงให้สายฟ้าฟาดกระหน่ำลงบันตัวข้าฯ และให้ความเท็จที่ข้าฯก่อได้สลายไป
โอ้ข้าแต่อัลลอฮ์ หากคำประกาศของซัยยิด สุลัยมาน เป็นความจริง ขอให้พี่น้องมุสลิมได้เห็นสัจธรรม และปลอดภัยจากการมุสาของข้าฯ และหากคำประกาศของ ซัยยิด สุลัยมาน และคณะ เป็นความเท็จ ขอพระองค์ทรงให้สายฟ้าฟาดกระหน่ำลงบนตัวเขาและคณะของเขา และขอให้ความเท็จที่เขาและคณะก่อขึ้นได้สลายไป
โอ้อัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงตอบรับคำมุบาฮะละห์นี้โดยพลัน สัญญาของพระองค์สัจจริงเสมอ
ผมได้ประกาศคำมุบาฮะละห์ ปรากฏต่อสาธารณะแล้ว หากซัยยิด สุลัยมาน ฮุซัยนี และคณะเป็นผู้สัจจริงและยืนยันข้อความที่ออกแถลงการณ์ก็ขอให้รับคำมุบาฮะละห์นี้
อ.ฟารีด เฟ็นดี้
20 ธันวาคม 2553 เวลา 13.45 น.
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.