ฮะดีษอีกบทหนึ่งที่ผู้ฝักใฝ่การอ่านอัลกุรอานในกุโบร์ นำมาเป็นหลักฐานการกระทำของพวกเขาคือ ฮะดีษที่มีบันทึกใน สุนันอัตติรมีซีย์ ดังนี้
حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ المَلِكِ بْنِ أبِي الشَوَارِبِ حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنِ عَمْرِو بْنِ مَالِكٍ النُكْرِيُ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ أبِي الجَوْزَاءِ عَن ابْنِ عَبَّاسٍ قَالَ : ضَرَبَ بَعْضُ أصْحَابِ النَّبِي صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ خِبَاءَهُ عَلَى قَبْرٍ وَهُوَ لاَ يَحْسِبُ أنَّهُ قَبْرٌ فَإذَا فِيْهِ إنْسَانٌ يَقْرَأُ سُوْرَةَ تَبَارَكَ اَلذِي بِيَدِهِ المُلْكُ حَتَّى خَتَمَهَا فَأتَى النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقَالَ : يَارَسُوْلَ اللهِ إنِّي ضَرَبْتُ خِبَائِي عَلَى قَبْرٍ وَأنَا لاَ أحْسِبُ أنَّهُ قَبْرٌ فَإذَا فِيْهِ إنْسَانٌ يَقْرَأُ سُوْرَةَ تَبَارَكَ الَّذِي بِيَدِهِ المُلْكُ حَتَّى خَتَمَهَا فَقَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ هِيَ المَانِعَةُ هِيَ المُنْجِيَّةُ تُنْجِيْهِ مِنْ عَذَابِ القَبْرِ
“มูฮัมหมัด อิบนุ อับดิลมาลิก อิบนิ อบี อัสซาวาริบ เล่าให้เราฟังว่า ยะห์ยา บิน อัมร์ บิน มาลิก อัลนุกรีย์ เล่าให้เราฟัง จากพ่อของเขา จาก อบี อัลเญาซาอ์ จาก อิบนิ อับบาส กล่าวว่า : ศอฮาบะห์ ของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม บางคนได้กางเต้นของเขาบนหลุมศพ โดยที่เขาไม่รู้ว่ามันคือหลุมศพ ซึ่ง ณงที่นั้นมีคนอ่านซูเราะห์ ตะบารอกัลป์ละซีบิยะดิฮิ้ลมุลกุ จนกระทั่งจบซูเราะห์ หลังจากนั้นเขาได้มาหาท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม แล้วกล่าวว่า : โอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ์ ฉันได้กางเต้นของฉันบนหลุมศพ โดยที่ฉันไม่รู้มาก่อนว่ามันเป็นหลุมศพ ณ.ที่นั้นมีคนอ่านซูเราะห์ ตะบารอกัลป์ละซีบิยะดิฮิ้ลมุลกุ จนกระทั่งจบ ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า มันคือการยับยั้ง ทำให้ผู้ที่อยู่ในหลุมศพได้รับความปลอดภัยจากการทรมานในหลุมศพ” สุนันอัตติรมีซียะห์ ฮะดีษเลขที่ 2815
พวกเขาอ้างว่า ฮะดีษข้างต้นนี้ยืนยันการกระทำของศอฮาบะห์ และได้รับการรับรองจากท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม
หากท่านผู้อ่านไม่มีพื้นฐานความรู้ในการพิจารณาฮะดีษ และเราสมมตว่า ยกประโยชน์ให้กับผู้อ้างโดยยอมรับฮะดีษบทนี้ศอเฮียะห์ ถึงกระนั้น ก็ยังไม่สามารถนำไปอ้างเป็นหลักฐานการอ่านอัลกุรอานในกุโบร์อยู่ดี เนื่องจากข้อความในตัวบทระบุชัดเจนว่า บรรดาศอฮาบะห์ที่ไปกางเต้นนั้น ไม่ทราบมาก่อนว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นกุโบร์ แต่พวกเรา รู้ทั้งรู้ และจงใจที่จะเข้าไปอ่านพร้อมกับทำพิธีกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
โดยข้อเท็จจริงแล้ว ฮะดีษบทนี้ เป็นฮะดีษฏออีฟประเภทมุงกัร ไม่สามรถนำมาใช้อ้างเป็นหลักฐานการอ่านอัลกุรอ่านในกุโบร์ได้ดังนี้
หนึ่งในผู้รายงานฮะดีษบทนี้ชื่อ ยะห์ยา บิน อัมร์ บินมาลิก อัลนุกรีย์ เป็นผู้ที่อยู่ในสถานะฏออีฟ ซึ่งบรรดานักวิชาการฮะดีษวิจารณ์ว่า
“ยะห์ยา บินอัมร์ บิน มาลิก อัลนุกรีย์ อัลบัศรีย์ รายงานจากพ่อของเขา และมีผู้รายงานต่อจากเขาคือ ลูกชายของเขาที่ชื่อ มาลิก และมุสลิม บิน อิบรอฮีม และผู้รายงานอีกกลุ่มหนึ่ง
อบูดาวู๊ด และคนอื่นๆ ให้สถานะภาพที่ฏออีฟแก่เขา ส่วนฮัมมาดบินยะซีด ได้ให้ข้อหาเขาว่า โกหก” (ดูมีซานุ้ลเอียะอ์ติดาล เล่มที่ 4 หน้าที่ 399 ลำดับที่ 9595)
นอกจากนี้แล้วท่าน ฮาฟิส อัสซะฮะบีย์ ยังได้นำเอาบรรดาฮะดีษฏออีฟ ประทำมุงกัรที่เขารายงานมาเป็นตัวอย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือ ฮะดีษบทที่เรากำลังวิพากษ์นี้
นอกจากนั้น ท่านฮาฟิซ อิบนุฮะญัร อัลอัสกอลานีย์ ก็ได้วิจารณ์ ผู้รายงานชื่อ ยะห์ยา บินอัมร์ บินมาลิก อัลนุกรีย์ ว่าเป็นบุคคลฏออีฟเช่นเดียวกัน (ดูตั๊กรีบุตตะฮ์ซีบ เล่มที่ 2 หน้าที่ 311 ลำดับที่ 3642)
สงวนลิขสิทธิ์โดย © อ.ฟารีด เฟ็นดี้ All Right Reserved.