มุสลิม/หมวดที่1/บทที่66/ฮะดีษเลขที่ 0265
عَنْ حُذَيْفَةَ، قَالَ حَدَّثَنَا رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم حَدِيثَيْنِ قَدْ رَأَيْتُ أَحَدَهُمَا وَأَنَا أَنْتَظِرُ الآخَرَ حَدَّثَنَا ‏"‏ أَنَّ الأَمَانَةَ نَزَلَتْ فِي جِذْرِ قُلُوبِ الرِّجَالِ ثُمَّ نَزَلَ الْقُرْآنُ فَعَلِمُوا مِنَ الْقُرْآنِ وَعَلِمُوا مِنَ السُّنَّةِ ‏"‏ ‏.‏ ثُمَّ حَدَّثَنَا عَنْ رَفْعِ الأَمَانَةِ قَالَ ‏"‏ يَنَامُ الرَّجُلُ النَّوْمَةَ فَتُقْبَضُ الأَمَانَةُ مِنْ قَلْبِهِ فَيَظَلُّ أَثَرُهَا مِثْلَ الْوَكْتِ ثُمَّ يَنَامُ النَّوْمَةَ فَتُقْبَضُ الأَمَانَةُ مِنْ قَلْبِهِ فَيَظَلُّ أَثَرُهَا مِثْلَ الْمَجْلِ كَجَمْرٍ دَحْرَجْتَهُ عَلَى رِجْلِكَ فَنَفِطَ فَتَرَاهُ مُنْتَبِرًا وَلَيْسَ فِيهِ شَىْءٌ - ثُمَّ أَخَذَ حَصًى فَدَحْرَجَهُ عَلَى رِجْلِهِ - فَيُصْبِحُ النَّاسُ يَتَبَايَعُونَ لاَ يَكَادُ أَحَدٌ يُؤَدِّي الأَمَانَةَ حَتَّى يُقَالَ إِنَّ فِي بَنِي فُلاَنٍ رَجُلاً أَمِينًا ‏.‏ حَتَّى يُقَالَ لِلرَّجُلِ مَا أَجْلَدَهُ مَا أَظْرَفَهُ مَا أَعْقَلَهُ وَمَا فِي قَلْبِهِ مِثْقَالُ حَبَّةٍ مِنْ خَرْدَلٍ مِنْ إِيمَانٍ ‏"‏ ‏.‏ وَلَقَدْ أَتَى عَلَىَّ زَمَانٌ وَمَا أُبَالِي أَيَّكُمْ بَايَعْتُ لَئِنْ كَانَ مُسْلِمًا لَيَرُدَّنَّهُ عَلَىَّ دِينُهُ وَلَئِنْ كَانَ نَصْرَانِيًّا أَوْ يَهُودِيًّا لَيَرُدَّنَّهُ عَلَىَّ سَاعِيهِ وَأَمَّا الْيَوْمَ فَمَا كُنْتُ لأُبَايِعَ مِنْكُمْ إِلاَّ فُلاَنًا وَفُلاَنًا  


         
ฮุซัยฟะห์ (อิบนุลยะมาน) รายงานว่า (ครั้งหนึ่ง) ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้เล่าให้พวกเราฟัง (เกี่ยวกับอะมานะห์ ความซื่อสัตย์,ความไว้เนื้อเชื่อใจ) สองประการด้วยกัน และหนึ่งในสองนั้นฉันได้เห็นมันแล้ว แต่อีกอย่างหนึ่งฉันกำลังรอมันอยู่
           ท่านได้เล่าให้พวกเราฟัง (เกี่ยวกับที่มาของความซื่อสัตย์) ว่า แท้จริงความซื่อสัตย์หรือความไว้เนื้อเชื่อใจมันได้เกิดขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจของบรรดาผู้คน หลังจากอัลกุรอานได้ลงมา พวกเขาก็ได้เรียนรู้จากอัลกุรอานแ ละจากซุนนะห์ (จึงทำให้พวกเขามีศรัทธามากขึ้นและเฝ้าระวังความประพฤติของพวกเขา)
                 หลังจากนั้นท่านได้พูดเกี่ยวกับการหายไปของความซื่อสัตย์หรือความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยกล่าวว่า ขณะที่คนหนึ่งได้นอน (เป็นคำพูดเปรียบเทียบดั่งคนนอนหลับที่ขาดสติสัมปชัญญะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือเป็นการเปรียบว่า ชั่วข้ามวันข้ามคืน)  ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ถูกถอดออกไปจากหัวใจของบรรดาผู้คน โดยเหลือเพียงเล็กน้อยดั่งรอยจุดเล็กๆบนร่างกาย  ในแต่ละครั้งที่เขานอน (หรือเมื่อวันเวลาได้ผ่านไป)  ความไว้เนื้อเชื่อใจก็จะถูกถอดออกไปจากหัวใจของเขาอีก ซึ่งจะยังคงเหลือเพียงร่องรอย ดั่งตุ่มผองใสๆบนผิวหนังเหมือนกับสะเก็ดถ่านไฟมันประทุใส่เท้าของเจ้าทำให้เป็นรอยไหม้ โดยเจ้าจะเห็นว่ามันมีแผลผุผองปรากฏขึ้นมา แต่ก็ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด (หรือดั่งตัวอย่างต่อไปนี้) หลังจากนั้นท่านได้หยิบก้อนกรวดขึ้นมากำมือหนึ่ง แล้วท่านก็โรยลงบนเท้าของท่าน (แล้วกล่าวว่า) บรรดาผู้คนต่างก็แย่งชิงซื้อขายกัน โดยแทบจะไม่มีใครรักษาความซื่อสัตย์เอาไว้ (แต่เมื่อจะหาคนซื่อสัตย์สักคนหนึ่ง) ผู้คนก็พูดกันว่า ในกลุ่มนั้นกลุ่มนี้มีคนซื่อสัตย์น่าไว้ใจได้ (ทั้งที่ทุกคนต้องเป็นผู้ซื่อสัตย์อยู่แล้ว)  จนกระทั่งเขาจะพูดถึงคนอื่นโดยกล่าวกันว่า รูปลักษณ์ของเขาเป็นเช่นใด,สภาพของเขาเป็นอย่างไร หรือสมองปัญญาเป็นเช่นใด  นี่เป็นเพราะในหัวใจของเขาไม่มีการศรัทธาอย่างจริงจังแม้แต่เสี้ยวเดียวของเมล็ดผักกาด
                 ฮุซัยฟะห์ กล่าวว่า แน่นอนว่า วันเวลาหนึ่งได้ผ่านพ้นฉันมาแล้ว (ในยุคต้นที่ทุกคนไว้เนื้อเชื่อใจได้ )  โดยที่ฉันไม่ตะขิดตะขวงใจเลยว่าได้ซื้อได้ขายกับผู้ใดมาบ้างในหมู่พวกเจ้า  เพราะหากเขาเป็นมุสลิมการศรัทธาของเขาก็จะควบคุมให้เขาคอยระมัดระวังข้อปฏิบัติที่พึงมีต่อฉัน   แต่หากเขาเป็นชาวคริสต์หรือชาวยิว (เขาก็จะไม่ใส่ใจที่จะปฏิบัติต่อฉันตามข้อกำหนดของศาสนานี้แต่)  เขาจะดำเนินตามข้อบังคับของผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นในวันนี้ฉันจะไม่ซื้อไม่ขายกับใคร (โดยไม่ต้องพิจารณาเหมือนเมื่อก่อน) นอกจากคนนั้นคนนี้เท่านั้น
  



ฮะดีษนี้มาจาก อ.ฟารีด เฟ็นดี้
http://www.fareedfendy.com

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Sections2&op=viewarticle2&artid=405