ใส่ร้ายท่านหญิงอาอิชะห์ทำซินา
หลังจากท่านนบีเสียชีวิตแล้วท่านหญิงอาอิชะห์พาชายแปลกหน้าวนเวียนเข้าห้องนอนจริงหรือ
มีพี่น้องส่งข้อความมาให้ชี้แจงกรณีที่เหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสอง กล่าวหาใส่ร้ายท่านหญิงอาอิชะห์ ภรรยาของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และกล่าวหาใส่ร้ายผู้รายงานและผู้บันทึกฮะดีษเช่น อิมหม่ามมุสลิม, อบีดาวู๊ด และอิหม่ามอะห์หมัด
เราขอประณามชีอะห์อิหม่ามสิบสองผู้เป็นเทือกเถาเหล่ากอของอับดุลลอฮ์ อิบนิ อุบัย อิบนิ ซะลูล มุนาฟิกีนในยุคต้น ที่เคยใส่ร้ายท่านหญิงอาอิชะห์ว่าคบชู้สู่ชายจนเป็นเหตุที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงประทานอัลกุรอานลงมายืนยันความบริสุทธิ์ของนางดังนี้
إنَّ الَّذِيْنَ جَاءُوا بِالإفْكِ عُصْبَةٌ مِنْكُمْ لاَ تَحْسَبُوْهُ شَرًّا لَّكُمْ َبلْ هُوَ خَيْرٌ لَّكُمْ لِكُلِّ امْرِئٍ مِّنْهُمْ مَا اكْتَسَبَ مِنَ اللإثْمِ وَالَّذِي تَوَلَّى كِيْرَهُ مِنْهُمْ لَهُ عَذَابٌ عَظِيْمٌ
“แท้จริงบรรดาผู้ซึ่งนำข่าวเท็จมานั้นคือ คนกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเจ้า พวกเจ้าอย่าได้คิดว่ามันเป็นความเลวร้ายแก่พวกเจ้า แต่มันเป็นความดีสำหรับพวกเจ้า สำหรับทุกๆคนในหมู่พวกเขานั้นคือสิ่งที่ได้ขวนขวายไว้จากการทำบาป ส่วนผู้ซึ่งเป็นหัวหอกในเรื่องนี้ในหมู่พวกเขานั้น สำหรับเขาคือการลงโทษมหันต์” ซูเราะห์อันนูร อายะห์ที่ 11
ปัจจุบันเหล่ามุนาฟิกีนยังไม่หมดไปจากแผ่นดิน เห็นได้จากเทือกเถาเหล่ากอของพวกเขายังคงสืบสานพฤติกรรมเลวๆของบรรพบุรุษของพวกเขาในอดีต ด้วยการใส่ร้ายท่านหญิงอาอิชะห์ว่าพาชายแปลกหน้าวนเวียนเข้าห้องของตนเองและยินยอมให้พักค้างจนรุ่งเช้าตื่นขึ้นมาในสภาพที่มีญุนุบ
พวกเขาได้อ้างคำรายงานจากตำราบันทึกฮะดีษศอเฮียะห์ของชาวซุนนะห์ เช่น ศอเฮียะห์มุสลิม , สุนันอบีดาวู๊ด และมุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด เป็นต้น
เราเคยชี้แจงบ่อยครั้งว่า การที่เหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสองนำเอาฮะดีษจากตำราของชาวซุนนะห์มาแอบอ้างนั้น หาใช่ว่าพวกเขาจะยึดถือตำราในตำราดังกล่าว แต่พวกเขาเพียงหยิบเอามาแสดงเพื่อสร้างความสงสัยให้แก่บรรดามุสลิมที่ไม่ทราบที่มาที่ไป ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังใช้วิธีการตัดตอนตัวบทฮะดีษ และแปลบิดเบือนความหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างที่พวกเขาต้องการ นอกจากนี้แล้วพวกเขาก็ไม่ได้นำเอาคำอธิบายทางวิชาการของชาวซุนนะห์มาแสดงด้วย เหล่านี้คือการทุจริตบิดเบือนที่เป็นความช่ำชองของพวกเขาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
พวกเขาใส่ร้ายท่านหญิงอาอิชะห์โดยกล่าวว่า
1. ศอเฮียะมุสลิม บันทึกไว้ว่า “อับดุลอฮ์ บิน ซิฮาบ อัลเคาลานี” คือคนหนึ่งที่เข้าไปนอนในห้องของ
อาอิชะห์แล้วตื่นขึ้นมาในสภาพของคนมีญุนุบและเสื้อผ้าเปื้อนอสุจิ
و حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ جَوَّاسٍ الْحَنَفِيُّ أَبُو عَاصِمٍ حَدَّثَنَا أَبُو الْأَحْوَصِ عَنْ شَبِيبِ بْنِ غَرْقَدَةَ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ شِهَابٍ الْخَوْلَانِيِّ قَالَ كُنْتُ نَازِلًا عَلَى عَائِشَةَ
فَاحْتَلَمْتُ فِي ثَوْبَيَّ فَغَمَسْتُهُمَا فِي الْمَاءِ
صحيح مسلم ج1 ص 239 ح290 كِتَابُ الطَّهَارَةِ بَاب حُكْمِ المَنِيِّ
ข้างต้นนี้คือตัวบทฮะดีษจากศอเฮียะห์มุสลิมที่ชีอะห์ตัดทอนมาแสดง ต้องกล่าวย้ำว่าพวกเขาตัดทอนนำมาแสดง และนอกจากจะตัดทอนตัวบทฮะดีษนำมาแสดงแล้ว พวกเขายังไม่แปลข้อความที่นำมาแสดงอีกด้วย เพียงแต่จั่วหัวเรื่องให้ผู้คนเข้าใจผิดจากตัวบทฮะดีษ แล้วก็ทึกทักว่ามีอยู่ในตำราของชาวซุนนะห์เอง ช่างเป็นวิธีการที่สกปรกสิ้นดี ฮะดีษบทดังกล่าวมีข้อความเต็มดังนี้
و حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ جَوَّاسٍ الْحَنَفِيُّ أَبُو عَاصِمٍ حَدَّثَنَا أَبُو الْأَحْوَصِ عَنْ شَبِيبِ بْنِ غَرْقَدَةَ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ شِهَابٍ الْخَوْلَانِيِّ قَالَ كُنْتُ نَازِلًا عَلَى عَائِشَةَ
فَاحْتَلَمْتُ فِي ثَوْبَيَّ فَغَمَسْتُهُمَا فِي الْمَاءِ فَرَأَتْنِي جَارِيَةٌ لِعَائِشَةَ فَأَخْبَرَتْهَا فَبَعَثَتْ إِلَيَّ عَائِشَةُ فَقَالَتْ مَا حَمَلَكَ عَلَى مَا صَنَعْتَ بِثَوْبَيْكَ قَالَ قُلْتُ رَأَيْتُ مَا يَرَى النَّائِمُ فِي مَنَامِهِ
قَالَتْ هَلْ رَأَيْتَ فِيهِمَا شَيْئًا قُلْتُ لَا قَالَتْ فَلَوْ رَأَيْتَ شَيْئًا غَسَلْتَهُ لَقَدْ رَأَيْتُنِي وَإِنِّي لَأَحُكُّهُ مِنْ ثَوْبِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَابِسًا بِظُفُرِي
“อับดุลลอฮ์ อิบนุ ซิฮาบ อัลเคาลานีย์ รายงานว่า ฉันเคยพักที่บ้านของท่านหญิง อาอิชะห์ และฉันได้ฝันเปียก มีอสุจิติดอยู่ที่ผ้าของฉัน, ฉันจึงนำเสื้อผ้าของฉันจุ่มน้ำ ขณะนั้นคนรับใช้ของท่านหญิงอาอิชะห์ ได้มาเห็นจึงนำเรื่องไปบอกกับท่านหญิงอาอิชะห์, ท่านหญิงอาอิชะห์ ได้ส่งคนมาถามฉันว่า ท่านทำอย่างไรกับเสื้อผ้าของท่านหรือ ฉันตอบไปว่า ฉันฝันเหมือนคนที่นอนหลับแล้วฝันนั่นแหละ (ฝันมี เพศสัมพันธ์แล้วมีอสุจิเคลื่อน) นางกล่าวว่า ท่านพบรอยคราบอสุจิบนเสื้อผ้าหรือไม่ ฉันตอบว่า ไม่พบครับ นางกล่าวว่า หากท่านพบรอยคราบอสุจิก็ล้างเฉพาะรอยคราบน้ำก็พอแล้ว (ทำไมต้องซักเสื้อผ้าทั้งหมดด้วย) เพราะฉันก็เคยเห็นรอยคราบอสุจิแห้งที่ฉันขูดมันออกด้วยเล็บของฉันบนผ้าของ ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม”
2. ซุนัน อะบีดาวูด (หนึ่งในตำราทั้งหก) บันทึกไว้ว่า “ฮัมมาม บิน ฮะริษ” เป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าไปค้าง
คืนในห้องของอาอิชะห์แล้วตื่นมาในสภาพที่เสื้อผ้าเปื้อนคราบอสุจิ
حَدَّثَنَا حَفْصُ بْنُ عُمَرَ، عَنْ شُعْبَةَ، عَنِ الْحَكَمِ، عَنْ إِبْرَاهِيمَ، عَنْ هَمَّامِ بْنِ الْحَرث، أَنَّهُ كَانَ عِنْدَ عَائِشَةَ - رضى الله عنها - فَاحْتَلَمَ فَأَبْصَرَتْهُ جَارِيَةٌ لِعَائِشَةَ وَهُوَ يَغْسِلُ أَثَرَ الْجَنَابَةِ مِنْ ثَوْبِهِ
سنن أبي داود ج1 ص101 ح 371 كِتَاب الطَّهَارَةِ بَاب المَنِيِّ يُصِيْبُ الثَّوْب
ผู้รายงานฮะดีษบทนี้มีชื่อว่า ฮัมมาม บิน อัลฮาริษ الحارث ไม่ใช่ ฮะริษ الحرث ตามที่ชีอะห์แสดง
ฮะดีษในบทที่สองที่ชีอะห์นำมาแสดงนี้ก็ใช้วิธีการทุจริตเช่นเดิม คือตัดตอนตัวบทฮะดีษมาแสดง เพื่อให้การใส่ร้ายของพวกเขาบรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งตัวบทที่ครบถ้วนของฮะดีษนี้มีดังนี้
حَدَّثَنَا حَفْصُ بْنُ عُمَرَ، عَنْ شُعْبَةَ، عَنِ الْحَكَمِ، عَنْ إِبْرَاهِيمَ، عَنْ هَمَّامِ بْنِ الْحَارِثِ، أَنَّهُ كَانَ عِنْدَ عَائِشَةَ - رضى الله عنها - فَاحْتَلَمَ فَأَبْصَرَتْهُ جَارِيَةٌ لِعَائِشَةَ وَهُوَ يَغْسِلُ أَثَرَ الْجَنَابَةِ مِنْ ثَوْبِهِ أَوْ يَغْسِلُ ثَوْبَهُ فَأَخْبَرَتْ عَائِشَةَ فَقَالَتْ لَقَدْ رَأَيْتُنِي وَأَنَا أَفْرُكُهُ مِنْ ثَوْبِ رَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم
ฮัฟศ์ อิบนุ อุมัร เล่าให้เราฟัง จาก ชัวอ์บะห์ จาก อิบรอฮีม จาก ฮัมมาม บิน อัลฮาริษว่า เขาได้อยู่ ณ.ที่ท่านหญิงอาอิชะห์ รอดิยัลลอฮุอันฮา แล้วเขาฝันเปียก โดยที่คนรับใช้ของท่านหญิงอาอิชะห์มาเห็นเขาขณะที่เขาล้างคราบญะนาบะห์จากเสื้อผ้าของเขา หรือกำลังซักเสื้อผ้าของเขา และเธอก็นำเรื่องนี้ไปบอกท่านหญิงอาอิชะห์ แล้วเธอกล่าวว่า แท้จริงฉันได้เคยขูดคราบอสุจิจากผ้าของท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม
ส่วนข้อความฮะดีษในบทอื่นๆที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตามที่ชีอะห์นำมาอ้างก็ใช้วิธีสกปรกเช่นเดิมคือตัดทอนตัวบทฮะดีษ และบิดเบือนความหมายเพื่อใส่ร้ายท่านหญิงอาอิชะห์, ผู้รายงาน และผู้บันึกฮะดีษ ซึ่งเราจะชี้แจงให้ได้เห็นดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง
บุรุษผู้ถูกกล่าวถึงตามคำรายงานในบทแรกคือ อับดุลอฮ์ บิน ซิฮาบ อัลเคาลานี มีฉายาว่า อบูลญัซล์ เป็นตาบีอีน รายงานฮะดีษจาก ท่านอุมัร และท่านหญิงอาอิชะห์ ส่วนผู้ที่รับรายงานจากเขาเอาไปรายงานต่อคือ คอยชะมะห์, อัชชะอ์บีย์, ชะบี๊บ บิน ฆ็อรกอดะห์ และตัวของอับดุลอฮ์ บิน ซิฮาบ อัลเคาลานี ก็เป็นชาวเมืองกูฟะห์
บุรุษผู้ถูกกล่าวถึงในบทที่สองนั้นมีชื่อว่า ฮัมมาม บิน อัลฮาริษ เขาเป็นตาบีอีนอวุโส มีชื่อเต็มว่า ฮัมมาม บิน อัลฮาริษ อัลนัคอีย์ เป็นชาวเมืองกูฟะห์ เช่นเดียวกัน เขาเสียชีวิตที่เมืองกูฟะห์ปีที่ 63 ฮิจเราะห์ศักราช
จะเห็นได้ว่าชายที่ถูกกล่าวถึงในเหตุการณ์นี้คือตาบีอีนทั้งคู่ และเป็นชาวเมืองกูฟะห์ด้วยกันทั้งคู่ (เมืองกูฟะห์ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิรัค) ทั้งสองดั้นด้นจากเมืองกูฟะห์ มาที่เมืองมะดีนะห์
ประเด็นที่สอง
ในบันทึกฮะดีษ สุนันอิบนิมาญะห์ และมุสนัด อิหม่ามอะห์หมัด ระบุคำรายงานของฮัมมามว่า
عَنْ هَمَّامِ بْنِ الحَارِثِ قَالَ نَزَلَ بِعَائِشَةَ ضَيْفٌ
“ฮัมมาม บิน อัลฮาริษ รายงานว่า มีแขกมาพบท่านหญิงอาอิชะห์” สุนันอัตติรมีซีย์ ฮะดีษเลขที่ 108 มุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด ฮะดีษเลขที่ 23029
เราได้รับทราบจากคำรายงานว่า ทั้ง อับดุลอฮ์ บิน ซิฮาบ อัลเคาลานี และ ฮัมมาม บิน อัลฮาริษ มาพบท่านหญิงอาอิชะห์ในสถานะแขกจากแดนไกล
ประเด็นที่สาม
อาจจะมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า แขกที่มาหาท่านหญิงอาอิชะห์ พักค้างกันที่ไหน เราดูข้อความในฮะดีษบทแรกจากศอเฮียะห์มุสลิม ตามคำรายงานของ อับดุลอฮ์ บิน ซิฮาบ อัลเคาลานี ที่กล่าวว่า
كُنْتُ نَازِلاً عَلَى عَائِشَةَ
“ฉันเคยพักที่บ้านของท่านหญิง อาอิชะห์”
แม้เราจะให้ความหมายที่เป็นประโยชน์กับการบิดเบือนของเหล่าชีอะห์โดยระบุว่า พวกเขาพักที่บ้านของท่านหญิงอาอิชะห์ แล้วก็ตาม แต่ข้อความนี้ก็มิได้แสดงให้เห็นว่า พวกเขาพักห้องเดียว หรือนอนห้องเดียวกับท่านหญิงอาอิชะห์ แต่ตรงกันข้าม ข้อความในฮะดีษกลับชี้ให้เห็นว่า พวกเขากับท่านหญิงอาอิชะห์อยู่กันคนละที่ ไม่ได้พักค้างร่วมกับพวกเขาแต่อย่างใดดังต่อไปนี้
ประเด็นที่สี่
ในบันทึกฮะดีษ สุนันอิบนิมาญะห์ และมุสนัด อิหม่ามอะห์หมัด ระบุคำรายงานของฮัมมามว่า
فَأَمَرَتْ لَهُ بِمِلْحَفَةٍ لَهَا صَفْرَاءَ
“ท่านหญิงอาอิชะห์ได้สั่งให้เอาผ้าคลุมสีเหลืองของเธอเอาไปให้เขา ” สุนันอัตติรมีซีย์ ฮะดีษเลขที่ 108 สุนันอิบนิมาญะห์ ฮะดีษเลขที่ 531 และมุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด ฮะดีษเลขที่ 23029
มีข้อสังเกตจากคำรายงานนี้ว่า หากเขาพักร่วมห้องกับท่านหญิงอาอิชะห์เพียงลำพัง แล้วเพราะเหตุใดท่านหญิงอาอิชะห์จึงต้องออกคำสั่งใช้ให้เอาผ้าคลุมไปให้เขาด้วย นอกจากนี้แล้ว ฮัมมามยังรายงานต่อไปอีกว่า
فَنَامَ فِيْهَا فَاحْتَلَمَ فَاسْتَحَى أنْ يُرْسِلَ بِهَا وَفِيْهَا أَثَرُ الإحْتِلاَمِ
“เขาเอาผ้านั้นห่มนอนแล้วฝันเปียก แต่เขาอายที่จะส่งมันคืนขณะที่มันมีร่องรอยของการฝันเปียก” สุนันอัตติรมีซีย์ ฮะดีษเลขที่ 108 มุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด ฮะดีษเลขที่ 23029
ในคำรายงานประเด็นนี้ตรงกันทั้ง ศอเฮียะห์มุสลิม,สุนันอบีดาวู๊ด, และมุสนัดอิหม่ามอะห์หมัดว่า
فَاحْتَلَمْتُ فِي ثَوْبَىَّ فَغَمَسْتُهُمَا فِي المَاءِ หรือ فَغَمَسَهَا فِي المَاءِ
“ฉันฝันเปียกเปื้อนผ้า แล้วก็เอามันไปจุ่มน้ำ”
ส่วนในสุนันอัตติรมีซีย์ และสุนันอิบนิมาญะห์ รายงานว่า
فَغَمَسَهَا فِي المَاءِ ثُمَّ أرْسَلَ بِهَا فَقَالَتْ عَائِشَةُ لِمَ أفْسَدَ عَلَيْنَا ثَوْبَنَا
“เขาเอาผ้าไปจุ่มน้ำแล้วส่งมันคืน ท่านหญิงอาอิชะห์กล่าวว่า ทำไมทำให้ผ้าของเราเสียหายอย่างนี้” สุนันอัตติรมีซีย์ ฮะดีษเลขที่ 108 สุนันอิบนิมาญะห์ ฮะดีษเลขที่ 531
เหล่านี้คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ท่านหญิงอาอิชะห์ไม่ได้อยู่ ณ.ที่นั่นด้วยและไม่รู้การกระทำของพวกเขามาก่อน จนกระทั่งพวกเขานำผ้าไปส่งคืน ท่านหญิงอาอิชะห์จึงได้ทราบเรื่อง
ประเด็นที่ 5
นอกจากข้อความที่ได้แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้แล้วว่า ท่านหญิงอาอิชะห์มิได้อยู่ร่วมห้องกับชายอื่นแล้ว ถ้อยคำที่ระบุในศอเฮียะห์มุสลิมยังยืนชัดเจนจากคำของ อับดุลอฮ์ บิน ซิฮาบ อัลเคาลานี ว่า
فَرَأَتْنِي جَارِيَةٌ لِعَائِشَةَ فَأَخْبَرَتْهَا
“หญิงคนรับใช้ของท่านหญิงอาอิชะห์มาเห็นฉัน (กำลังซักผ้า) แล้วนำเรื่องไปบอก ท่านหญิงอาอิชะห์”
ท่านหญิงอาอิชะห์ทราบเรื่องจากการที่คนรับใช้ของเธอมาบอกให้ฟัง ยิ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าเธอมิได้อยู่ร่วมห้องกับชายอื่นตามที่ชีอะห์กล่าวหา นอกจากนั้นแล้ว อัลเคาลานี ยังกล่าวต่อไปอีกว่า
فَبَعَثَتْ إِلَيَّ عَائِشَةُ فَقَالَتْ
“ท่านหญิงอาอิชะห์ได้ส่งคนมาถามฉันว่า”
หากท่านหญิงอาอิชะห์ได้อยู่ในเหตุการณ์ หรืออยู่ ณ.ที่นั้นด้วย แล้วเพราะเหตุใดเธอจึงต้องส่งคนมาถามพวกเขา ว่าจัดการอย่างไรกับเสื้อผ้าของเธอ และเมื่อเธอได้ทราบเรื่องว่าพวกเขาเอาผ้าไปจุ่มน้ำ เธอก็แจ้งข้อฮุก่มและวิธีการจัดการให้ทราบว่าไม่ต้องเอาไปซักทั้งหมดแค่ล้างตรงรอยเปื้อนก็พอ ดั่งคำรายงานที่ระบุในท้ายฮะดีษว่า “หากท่านพบรอยคราบอสุจิก็ล้างเฉพาะรอยคราบน้ำก็พอแล้ว (ทำไมต้องซักเสื้อผ้าทั้งหมดด้วย) เพราะฉันก็เคยเห็นรอยคราบอสุจิแห้งที่ฉันขูดมันออกด้วยเล็บของฉันบนผ้าของ ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม”
อิหม่ามอัตติรมีซีย์ ได้กล่าวสรุปในท้ายคำรายงานว่า ฮะดีษนี้อยู่ในระดับฮะซันศอเฮียะห์ เป็นคำยืนยันจากบรรดาศอฮาบะห์ของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม หลายท่านด้วยกัน รวมถึงบรรดาตาบีอีนและบรรดานักวิชาการในยุคหลังจากพวกเขาที่เป็นนักนิติศาสตร์ เช่น ท่านซุฟยาน อัสเซารีย์, อิหม่ามชาฟีอี, อิหม่ามอะห์หมัด, อิสฮาก, พวกเขากล่าวเกี่ยวกับเรื่องอสุจิเปื้อนผ้าว่าแค่ขูดออกก็ถือว่าใช้ได้แล้ว (สุนันอัตติรมีซีย์ คำสรุปท้ายฮะดีษเลขที่ 108)
เมื่อเราได้อ่านข้อความของฮะดีษจากหลายบันทึกแล้วเป็นที่ประจักษ์ว่า ไม่มีข้อความส่วนใดของฮะดีษที่แสดงว่าท่านหญิงอาอิชะห์ยอมให้ชายแปลกหน้าเข้าห้องนอนของตัวเอง หรือเธอนอนร่วมห้องกับชายแปลกหน้าสองต่อสอง
แล้วอย่างไรเล่าที่ชีอะห์จะกล่าวหาใส่ร้ายท่านหญิงอาอิชะห์ว่ากระทำซินาทั้งๆที่นางเองมิได้อยู่ในที่นั้น มีข้อความท่อนใดหรือที่แสดงว่า “อัลเคาลานี”หรือ “ฮัมมาม” มีเพศสัมพันธ์กับท่านหญิงอาอิชะห์จนกระทั่งตื่นขึ้นมาในสภาพของคนมีญุนุบและเสื้อผ้าเปื้อนอสุจิตามที่ชีอะห์ได้สื่อให้เข้าใจ เปล่าเลย...นอกจากจะไม่มีข้อความตามที่พวกเขาสื่อแล้ว ในตัวบทฮะดีษยังยืนยันด้วยถ้อยคำของ “อัลเคาลานี” และ “ฮัมมาม” เองว่า فَاحْتَلَمْتُ فِي ثَوْبَيَّ แปลว่า “ฉันฝัน แล้วอสุจิเปื้อนผ้าของฉัน”
ไม่มีใครหรอกที่กล่าวเท็จ หรืออุปโลกน์เรื่องเท็จใส่ร้ายท่านหญิงอาอิชะห์ ไม่ว่าจะเป็นผู้รายงาน, ผู้บันทึกรวมถึงนักวิชาการและชาวซุนนะห์ทั้งหมด นอกจากจิตใจอันโสโครกของเหล่าชีอะห์อิหม่ามสิบสองผู้เป็นรกรากของ อับดุลลอฮ์ อิบนิอุบัย อิบนิซะลูน หัวโจกมุนาฟิกีน ที่กุเรื่องเท็จ กล่าวหาใส่ร้ายท่านหญิงอาอิชะห์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า
لَوْلاَ إذْ سَمِعْتُمُوْهُ ظَنَّ المُؤْمِنُوْنَ وَالمُؤْمِنَاتُ بِأنْفُسِهِمْ خَيْراً وَقَالُوا هَذاَ إفْكٌ مُبِيْنٌ
“เมื่อพวกเจ้าได้ยินข่าวเท็จนี้ ทำไมบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง จึงไม่นำมาเปรียบเทียบกับตัวพวกเขาเองในทางที่ดี และกล่าวว่า นี่คือเรื่องเท็จอย่างชัดเจน” ซูเราะห์อันนูร อายะห์ที่ 12
ขอพระองค์อัลลอฮ์ทรงปกป้องคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ และขอพระองค์ทรงทำให้เล่ห์กลของคนลวงได้ย้อนทิ่มลูกกระเดือกของพวกเขาเอง