ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 109
وَدَّ كَثِيْرٌ مِّنْ أهْلِ الْكِتَابِ لَوْ يَرُدُّوْنَكُمْ مِّنْ بَعْدِ إيْمَانِكُمْ كُفَّاراً حَسَداً مِّنْ عِنْدِ أنْفُسِهِمْ مِّنْ بَعْدِ مَا تَبَيَّنَ لَهُمُ الْحَقُّ فَأعْفُوا وَاصْفَحُوا حَتَّى يَأْتِيَ اللهُ بِأَمْرِهِ إنَّ اللهَ عَلَى كُلِّ شَيْئٍ قَدِيْرٌ
ส่วนมากจากชาวคัมภีร์นั้นชอบเหลือเกิน หากพวกเขาทำให้พวกเจ้ากลับไปเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาได้ หลังจากการศรัทธาของพวกเจ้าแล้ว เนื่องจากความอิจฉาที่มาจากตัวของพวกเขาเอง หลังจากความจริงได้เป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้ถือสา และจงเบือนหน้าหนีพวกเขา จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง
พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวก่อนหน้านี้ (ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 105) ว่า (บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจากชาวคัมภีร์และบรรดาผู้ตั้งภาคีนั้นจะไม่ชอบในการที่ความดีใดๆจากองค์อภิบาลของพวกเจ้าได้ลงมายังพวกเจ้า) ฉะนั้นคราใดที่อัลกุรอานถูกประทานลงมาเป็นทางนำและชี้แนะสิ่งที่ดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา เหล่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาก็จะไม่พอใจ ทั้งนี้เนื่องจากความอิจฉาริษยาของพวกเขา
พระองค์ทรงขึ้นต้นอายะห์นี้โดยการกล่าวถึงพฤติกรรมของผู้ปฏิเสธศรัทธาชาวคัมภีร์อีกว่า พวกเขาพยายามที่จะทำให้บรรดาผู้ศรัทธาหวนกลับไปสู่การเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาอีกหากพวกเขาสามารถทำได้
นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า อายะห์นี้ถูกประทานลงมา เนื่องจากพฤติกรรมของ กะอบ์ บิน อัชรอฟ ที่พยามดึงมุสลิมออกจากอิสลาม ซึ่ง อิบนุ ญะรีร ได้นำมาตีแผ่ว่า
“อัลฮะซัน บิน ยะห์ยา เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อับดุรรอซาก ได้บอกกับเราโดยกล่าวว่า มะอ์มัร ได้บอกกับเราโดยกล่าวว่า จาก อัสซุฮ์รีย์ ในถ้อยคำที่ว่า (ส่วนมากจากชาวคัมภีร์นั้นชอบเหลือเกิน) หมายถึง กะอบ์ บิน อัชรอฟ
อัลกอเซ็ม เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อัลฮุเซน เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อบูซุฟยาน อัลอุมรีย์ เล่าให้เราฟังจาก มะอ์มัร จาก อัสซุฮ์รีย์ และ ก่อตาดะห์ ในถ้อยคำที่ว่า (ส่วนมากจากชาวคัมภีร์นั้นชอบเหลือเกิน) เขากล่าวว่า คือ กะอบ์ บิน อัชรอฟ
และบางท่านได้กล่าวแตกต่างจากนี้ดังที่ อิบนุ ฮุมัยด์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า ซะละมะห์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อิบนุ อิสฮาก เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า อบู กุรัยบ์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า ยูนุส บิน บุกัยร์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า มูฮัมหมัด บิน อิสฮาก เล่าให้เราฟัง มูฮัมหมัด บิน อบี มูฮัมหมัด ซึ่งเป็นคนรับใช้ของ เซด บิน ซาบิต เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ หรือ อิกริมะห์ เล่าให้ฉันฟัง จาก อิบนิ อับบาส กล่าวว่า ฮุยัย บิน อัคต๊อบ และ อบู ยาซิร บิน อัคต๊อบ เป็นชาวยิวที่มีความอิจฉาอาหรับอย่างรุนแรง โดยทั้งสองพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้ผู้คนปฏิเสธอิสลามด้วยการกลับไปเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์จึงประทานอายะห์นี้มาเนื่องจากพฤติกรรมของทั้งสองว่า (ส่วนมากจากชาวคัมภีร์นั้นชอบเหลือเกิน หากพวกเขาทำให้พวกเจ้ากลับไปเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาได้) ” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 487 – 488
ขณะเดียวกัน อิบนุ ญะรีร ก็วิจารณ์ในทำนองไม่เห็นด้วยที่จะกล่าวว่า อายะห์นี้ถูกประทานลงมาเนื่องจากพฤติกรรมของ กะอบ์ บิน อัชรอฟ เป็นการเฉพาะ เพราะนี่คือการกล่าวถึงบุคคลเพียงคนเดียว ขณะที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า (ส่วนมากจากชาวคัมภีร์) ซึ่งแสดงถึงชาวคัมภีร์หลายคนเป็นหมู่คณะ แต่หากจะกล่าวว่า ถ้อยความนี้กล่าวถึงจำนวนมากแต่เจาะจงเฉพาะบุคคลเดียว ก็จะต้องมีข้ออ้างอิงบ่งชี้ตามกรณีนั้น
อย่างไรก็ตาม กรณีของ กะอบ์ บิน อัชรอฟ นั้นก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจากชาวคัมภีร์ที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวถึง คือเขาและพรรคพวกของเขาที่พยายามดึงมุสลิมออกจากอิสลาม
ถ้อยคำที่ว่า (เนื่องจากความอิจฉาที่มาจากตัวของพวกเขาเอง) ความอิจฉาริษยาของพวกเขาที่มีต่อบรรดาผู้ศรัทธานั้นเกิดจากความอคติโดยส่วนตนของพวกเขาเอง มิได้มีพื้นฐานจากการที่พวกเขาได้ศรัทธาต่อคัมภีร์อัตเตารอต เพราะถ้าพฤติกรรมของพวกเขามีพื้นฐานจากคัมภีร์ที่พวกเขายึดถืออยู่ พวกเขาก็ต้องศรัทธาต่อ นบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะในคัมภีร์อัตเตารอตระบุถึงลักษณะ รูปพรรณ และการเป็นศาสนทูต ของท่านนบีมูฮัมหมัด ไว้อย่างชัดเจน
ถ้อยคำที่ว่า (หลังจากความจริงได้เป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้ว) คือความจริงเกี่ยวกับตัวของท่านนบี มูฮัมหมัด และสิ่งที่ท่านได้นำมา ดังที่ อิบนุ ญะรีร ได้ตีแผ่ว่า
“บิชร์ บิน มุอาซ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า ยะซีด บิน ซุรอยอ์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า สะอี๊ด เล่าให้เราฟัง จาก ก่อตาดะห์ ในถ้อยคำที่ว่า (หลังจากความจริงได้เป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้ว) คือหลังจากเป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้วว่า มูฮัมหมัด คือรอซูลของอัลลอฮ์ และอัลอิสลามเป็นศาสนาของอัลลอฮ์
อัลมุซันนา เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อิสฮาก เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อิบนุ อบี ญะอ์ฟัร เล่าให้เราฟังจากพ่อของเขา โดยกล่าวว่า จาก อัรรอเบียะอ์ จาก อบี อัลอาลียะห์ ในถ้อยคำที่ว่า (หลังจากความจริงได้เป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้ว) คือ เป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาว่า มูฮัมหมัด คือรอซูลของอัลลอฮ์ ซึ่งถูกระบุอยู่ในคัมภีร์อัตเตารอต และ อินญีล ที่อยู่ที่พวกเขาเอง” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 489
ถ้อยคำที่ว่า (ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้ถือสา และจงเบือนหน้าหนีพวกเขา จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา) พระองค์อัลลอฮ์ทรงสอนบรรดาผู้ศรัทธาให้มีความอดทนในการเผชิญหน้ากับบนีอิสรออีล เหล่ายะฮูดที่ปฏิเสธศรัทธา เนื่องจากพฤติกรรมของพวกเขาที่แสดงอาการเย้ยหยัน, ดูแคลน และสบประมาทต่อท่านนบีและบรรดาผู้ศรัทธา เช่นการกล่าวถ้อยคำแก่ท่านนบีว่า “รออินา” ซึ่งในภาษาของชาวยิวมีความหมายว่า “โง่เง่า” แต่มีความหมายในภาษาอาหรับ “โปรดฟังเราหน่อยแล้วเราก็จะฟังท่าน” ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ทรงห้ามบรรดาผู้ศรัทธาในการกล่าวถ้อยคำนี้แก่ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม อีกทั้งพฤติกรรมของเหล่ายะฮูดที่ ยุยงปลุกปั่น ในการดึงมุสลิมออกจากอิสลาม ดังที่พระองค์ได้กล่าวไว้ในอายะห์นี้
คำว่า فاعفوا ในอายะห์นี้มีความหมายในทางภาษาว่า “ดังนั้นพวกเจ้าจงให้อภัย” คือ มิใช่เป็นการให้อภัยโทษในความผิดที่พวกเขากระทำ เพราะเรื่องนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์อัลลอฮ์ แต่ในที่นี้หมายถึง ใช้ให้ผู้ศรัทธาอดทนต่อพฤติกรรมเช่นนั้นอย่าได้ถือสา โดยให้ทำไม่รู้ไม่ชี้กับถ้อยคำและพฤติกรรมที่พวกเขาแสดงออก
คำว่า واصفحوا แปลว่า “และพวกเจ้าจงเบือนหน้านี้” คือ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่ใส่ใจใยดีกับถ้อยคำและพฤติกรรมของพวกเขา
พระองค์อัลลอฮ์ทรงสอนบรรดาผู้ศรัทธาให้อดทนต่อพฤติกรรมของพวกเขา ดังที่ได้ทรงกล่าวว่า
وَلَتَسْمَعُنَّ مِنَ الَّذِيْنَ أُوْتُوا الْكِتَابَ مِنْ قَبْلِكُمْ وَمِنَ الَّذِيْنَ أشْرَكُوا أَذَى كَثِيْراً وَإنْ تَصْبِرُوا وَتَتَّقُوا فَإنَّ ذَلِكَ مِنْ عَزْمِ الأُمُوْرِ
“และแน่นอนว่าเจ้าจะได้ยินบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้าพวกเจ้า และบรรดาผู้ตั้งภาคี ในการก่อความเดือนร้อนอย่างมากมาย และหากพวกเจ้าอดทนและยำเกรงแล้ว ดังกล่าวนั้นคือการตั้งมั่นของกิจการต่างๆ” ซูเราะห์ อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 186
คำว่า (จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา) คือให้อดทนต่อพฤติกรรมของบนีอิสรออีลเหล่ายะฮูดที่ปฏิเสธศรัทธา จนกว่าพระองค์อัลลอฮ์จะมีคำสั่งให้ดำเนินการแก่พวกเขาในทิศทางใด แล้วต่อมาพระองค์อัลลอฮ์ก็ทรงประทานคำสั่งมาว่า
قَاتِلُوا الَّذِيْنَ لاَ يُؤْمِنُوْنَ بِاللهِ وَلاَ بِالْيَوْمِ الآخِرِ وَلاَ يُحَرِّمُوْنَ مَا حَرَّمَ اللهُ وَرَسُوْلُهُ وَلاَ يَدِيْنُوْنَ دِيْنَ الْخَقِّ مِنَ الَّذِيْنَ أُوْتُوا الْكِتَابَ حَتَّى يُعْطُوا الْجِرْيَةَ عَنْ يَدٍ وَهُمْ صَاغِرُوْنَ
“พวกเจ้าจงต่อสู้บรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และไม่ศรัทธาต่อกาลอวสาน และไม่งดเว้นสิ่งที่อัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ได้ห้ามไว้ และไม่ดำเนินตามศาสนาแห่งสัจธรรม ได้แก่บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ จนกว่าพวกเขาจะส่งมอบภาษีหัวจากมือของพวกเขาเอง โดยที่พวกเขาอยู่ในสภาพผู้ต่ำต้อย” ซูเราะห์ อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 29
อายะห์นี้คือข้อความที่มายกเลิกคำสั่งที่ใช้ให้วางเฉยและเบือนหน้าหนีพฤติกรรมของเหล่ายะฮูดผู้ปฏิเสธศรัทธา ดังที่ อิบนุ ญะรีร ได้นำมาตีแผ่ว่า
“อัลมุซันนา เล่าให้ฉันฟังโดยกล่าวว่า อบูศอและห์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า มุอาวิยะห์ บิน ศอและห์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าว่า จาก อาลี อิบนิ อบี ฏอลฮะห์ จาก อิบนิ อับบาส ในถ้อยคำที่ว่า (ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้ถือสา และจงเบือนหน้าหนีพวกเขา จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง) เขากล่าวว่า คำสั่งนี้ถูกยกเลิกด้วยข้อความ (ในซูเราะห์ อัตเตาบะห์อายะห์ที่ 5) ที่ว่า (ดังนั้นพวกเจ้าจงสังหารบรรดาผู้ตั้งภาคีเหล่านั้นไม่ว่าพวกเจ้าจะพบพวกเขาที่ใดก็ตาม)
อัลฮะซัน บิน ยะห์ยา เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อับดุรรอซาก ได้บอกกับเราโดยกล่าวว่า มะอ์มัร เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า จาก ก่อตาดะห์ ในถ้อยคำที่ว่า (ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้ถือสา และจงเบือนหน้าหนีพวกเขา จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา) เขากล่าวว่า ข้อความนี้ได้ถูกยกเลิกด้วยคำสั่งที่ว่า (ดังนั้นพวกเจ้าจงสังหารบรรดาผู้ตั้งภาคีเหล่านั้นไม่ว่าพวกเจ้าจะพบพวกเขาที่ใดก็ตาม)
บิชร์ บิน มุอาซ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า ยะซีด เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า สะอี๊ด เล่าให้เราฟังจาก ก่อตาดะห์ ในถ้อยคำที่ว่า (ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้ถือสา และจงเบือนหน้าหนีพวกเขา จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา) แล้วพระองค์อัลลอฮ์ก็ได้ประทานคำสั่งมาว่า (พวกเจ้าจงต่อสู้บรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และไม่ศรัทธาต่อกาลอวสาน และไม่งดเว้นสิ่งที่อัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ได้ห้ามไว้ และไม่ดำเนินตามศาสนาแห่งสัจธรรม ได้แก่บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ จนกว่าพวกเขาจะส่งมอบภาษีหัวจากมือของพวกเขาเอง โดยที่พวกเขาอยู่ในสภาพผู้ต่ำต้อย” นี่คืออายะห์ที่มายกเลิกคำสั่งก่อนหน้านี้ที่ว่า (ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้ถือสา และจงเบือนหน้าหนีพวกเขา จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา)
มูซา เล่าให้ฉันฟัง โดยกล่าวว่า อัมร์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อัสบาฏ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า จาก อัสซุดดีย์ ในถ้อยคำที่ว่า (ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้ถือสา และจงเบือนหน้าหนีพวกเขา จนกว่าอัลลอฮ์จะประทานคำสั่งของพระองค์มา) เขากล่าวว่า ข้อความนี้ได้ถูกยกเลิกด้วยคำสั่งที่ว่า (พวกเจ้าจงต่อสู้บรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และไม่ศรัทธาต่อกาลอวสาน และไม่งดเว้นสิ่งที่อัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ได้ห้ามไว้ และไม่ดำเนินตามศาสนาแห่งสัจธรรม ได้แก่บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ จนกว่าพวกเขาจะส่งมอบภาษีหัวจากมือของพวกเขาเอง โดยที่พวกเขาอยู่ในสภาพผู้ต่ำต้อย) ” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 490