ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 124
وَإذِ ابْتَلَى إبْرَاهِيْمَ رَبُّهُ بِكَلِمَاتٍ فَأَتَمَّهُنَّ قَالَ إنِّي جَاعِلُكَ لِلنَّاسِ إمَاماً قَالَ وَمِنْ ذُرِّيَّتِي قَالَ لاَ يَنَالُ عَهْدِي الظَّالِمِيْنَ
และจงรำลึกถึง ขณะที่องค์อภิบาลของอิบรอฮีมได้ทดสอบเขา ด้วยบัญญัติบางประการ แล้วเขาก็ทำได้ครบถ้วน พระองค์กล่าวว่า แท้จริงข้าจะให้เจ้าเป็นผู้นำแห่งมนุษย์ชาติ เขากล่าวว่า และจากลูกหลานของข้าด้วย พระองค์กล่าวว่า สัญญาของข้านั้นจะไม่ได้รับแก่บรรดาผู้อธรรม
บรรดามุชรีกีน และชาวคัมภีร์ทั้งสองคือ ยะฮูดและนะศอรอ นั้นพวกเขาได้อ้างว่า เป็นผู้ยึดถือและปฏิบัติตามศาสนาแห่งบรรพบุรุษคือ ศาสนาแห่งนบีอิบรอฮีม อลัยฮิสสลาม แต่ความจริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้น ถ้อยคำของพวกเขาเป็นเพียงคำพูดประโลมใจ พฤติกรรมของพวกเขาเป็นเพียงการเสแสร้งและภาพลวงตา
พระองค์อัลลอฮ์จึงทรงบัญชาให้ท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวแก่พวกเขาถึงเหตุการณ์ที่ท่านนบีอิบรอฮีม ถูกทดสอบจากพระองค์อัลลอฮ์
ถ้อยคำที่ว่า (และจงรำลึกถึง ขณะที่องค์อภิบาลของอิบรอฮีมได้ทดสอบเขา ด้วยบัญญัติบางประการ) ซึ่งบททดสอบตามที่กล่าวนี้มิได้มีหลักฐานระบุชัดเจนว่าคืออะไร ดังนั้นบรรดานักวิชาการจึงมีมุมมองในการอธิบายที่แตกต่างกัน ซึ่งต่างก็อ้างการอธิบายจากคำรายงานของ อิบนิ อับบาส หลายสายดังนี้
อับดุรรอซาก กล่าวว่าจาก มะอ์มัร จาก ก่อตาดะห์ ว่า อิบนิอับบาส กล่าวว่า “อัลลอฮ์ทรงทดสอบนบีอิบรอฮีมเกี่ยวกับการปฏิบัติพิธีฮัจญ์
อับดุรรอซาก กล่าวว่า มะอ์มัร ได้บอกกับเรา จาก อิบนิ ฏอวูส จาก พ่อของเขา จาก อิบนิ อับบาส ในถ้อยคำที่ว่า (และจงรำลึกถึง ขณะที่องค์อภิบาลของอิบรอฮีมได้ทดสอบเขา ด้วยบัญญัติบางประการ) คือ อัลลอฮ์ทดสอบท่านด้วยเรื่องความสะอาด ประกอบอวัยวะบนศีรษะห้าประการ และอวัยวะในเรือนร่างอีกห้าประการ ซึ่งอวัยวะที่อยู่บนศีรษะนั้นคือ การขลิบหนวด, การบ้วนปาก, การสูดน้ำล้างโพรงจมูก, การแปรงฟัน และ การสางผม ส่วนอีกห้าประการที่อยู่ในเรือนร่างนั้นคือ การตัดเล็บ, การโกนขนลับ, การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย, การถอนขนรักแร้, การชำระปัสสาวะและอุจจาระด้วยน้ำ
อิบนุ กะษีร กล่าวว่า คำรายงานนี้ใกล้เคียงกับฮะดีษที่ถูกบันทึกในศอเฮียะห์มุสลิม ซึ่งท่านหญิงอาอิชะห์ ได้กล่าวว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
عَشْرٌ مِنَ الفِطْرَةِ قَصُّ الشَارِبِ وَاعْفَاءُ اللِحْيَةِ وَالسِوَاكُ وَاسْتِنْثَاقُ المَاءِ وَقَصُّ الاظْفَارِ وَغَسْلُ البَرَاجِمِ وَنَتْفُ الابْطِ وَحَلْقُ العَانَةِ وَانْتِقَاصُ المَاءِ قَالَ زَكَرِيَاءُ قَالَ مُصْعَبٌ وَنَسِيْتُ العَاشِرَةَ إلاَّ أنْ تَكُوْنَ المَضْمَضَةَ
“ธรรมชาติสิบประการที่ต้องชำระให้บริสุทธิ์คือ การขลิบหนวด, การไว้เครา, การแปรงฟัน, การสูดน้ำเข้าออกเพื่อล้างโพรงจมูก, การตัดเล็บ, การล้างซอกนิ้ว, การถอนขนรักแร้, การโกนขนลับ, การชำระปัสสาวะและอุจจาระด้วยน้ำ ซะกะรียา กล่าวว่า มัศอับ กล่าวว่า ฉันจำประการที่สิบไม่ได้ แต่น่าจะเป็นการบ้วนปาก” ศอเฮียะห์ มุสลิม ฮะดีษเลขที่ 384
ส่วนในบันทึกของ บุคอรีและมุสลิม เป็นคำรายงานจาก อบูฮุรอยเราะห์ จากท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
الفِطْرَةُ خَمْسٌ : الخِتَانُ وَالاسْتِحْدَادُ وَقَصُّ الشَارِبِ وَتَقْلِيْمُ الأظْفَارِ وَنَتْفُ الإبْطِ
“ธรรมชาติห้าประการที่ต้องชำระให้บริสุทธิ์คือ : การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย, การโกนขนลับ, การขลิบหนวด, การตัดเล็บ และ การถอนขนรักแร้” ศอเฮียะห์ บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 5439
อิบนุ อบีฮาติม กล่าวว่า ยูนุส อิบนุ อับดิลอะอ์ลา บอกกับเราว่า อิบนุ วะฮ์บิน บอกกับเราว่า อิบนุ ละฮีอะห์ บอกกับฉันจาก อิบนุ ฮุบัยเราะห์ จาก ฮะนัช อิบนุ อับดิลลาฮ์ อันศ็อนอานีย์ จาก อิบนิ อับบาส ในการอธิบายอายะห์ที่ว่า (และจงรำลึกถึง ขณะที่องค์อภิบาลของอิบรอฮีมได้ทดสอบเขา ด้วยบัญญัติบางประการ แล้วเขาก็ทำได้ครบถ้วน) เขากล่าวว่า ทั้งหมดมีสิบประการ ซึ่งหกประการนั้นอยู่ในตัวมนุษย์ และอีกสี่ประการทางด้านจิตวิญญาณ ส่วนหกประการที่อยู่ในตัวมนุษย์คือ การโกนขนลับ, การถอนขนรักแร้, การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย อิบนุ ฮุบัยเราะห์ กล่าวว่า สามประการนี้รวมอยู่ในกรณีเดียวกัน ส่วนที่เหลือคือ การตัดเล็บ, การขลิบหนวด, การแปรงฟัน, การอาบน้ำวันศุกร์ และอีกสี่ประการทางด้านจิตวิญญาณนั้นคือ การตอวาฟ, การสะแอระหว่างซอฟาและมัรวะห์, การขว้างเสาหิน,และอิฟาเฏาะห์”
หมายเหตุ : คำรายงานข้างต้นนี้เป็นฮะดีษฏออีฟ เนื่องจากหนึ่งในผู้รายงานที่ชื่อ อิบนุ ละฮีอะห์ ถูกจัดเป็นนักรายงานฏออีฟ ซึ่งเขามักจะสับสนในการรายงานของเขาเสมอ เขาเสียชีวิตในปีที่ 174 ฮิจเราะห์ศักราช ดูประวัตินักรายงานผู้นี้ในหนังสือ อัลมัจรูฮีน ญุชที่ 2 หน้าที่ 11 และหนังสือ มีซานุ้ลเอียะอ์ติดาล เล่มที่ 2 หน้าที่ 475 หรือที่ลิงค์นี้ http://www.fareedfendy.com/ruwat/ibnulaheah.php
ดาวู๊ด อิบนุ อบีฮินด์ กล่าวว่า จาก อิกริมะห์ จาก อิบนิ อับบาส กล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดในศาสนานี้ที่ถูกทดสอบ แล้วเขาก็ทำได้ครบถ้วนทั้งหมดนอกจากนบีอิบรอฮีม พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า (และจงรำลึกถึง ขณะที่องค์อภิบาลของอิบรอฮีมได้ทดสอบเขา ด้วยบัญญัติบางประการ แล้วเขาก็ทำได้ครบถ้วน) ฉันถามเขาว่า อะไรคือข้อบัญญัติที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงทดสอบนบีอิบรอฮีม แล้วเขาก็ทำได้ครบถ้วน เขาตอบว่า อัลอิสลามนั้นมีอยู่สามสิบภาคส่วนด้วยกัน ซึ่งสิบส่วนถูกระบุไว้ในซูเราะห์ บะรออะห์ (หรือซูเราะห์ อัตเตาบะห์) เริ่มตั้งแต่ التَّائِبُوْنَ العَابِدُوْنَ จนกระทั่งจบอายะห์ อีกสิบส่วนคือตั้งแต่ช่วงต้นของซูเราะห์ قَدْ أفْلَحَ الْمُؤْمِنُوْنَ และ سَأَلَ سَائِلٌ بِعَذَابٍ وَاقِع ส่วนที่เหลือคือสิบอายะห์ในซูเราะห์ อัลอะห์ซาบ คือข้อความที่ว่า إنَّ الْمُسْلِمِيْنَ وَالمُسْلِمَات จนกระทั่งจบอายะห์ ซึ่งเขาได้ทำครบถ้วนทั้งหมด แล้วพระองค์อัลลอฮ์ก็ทรงบันทึกความบริสุทธิ์แก่นบีอิบรอฮีม โดยกล่าวว่า
وَإبْرَاهِيْمَ الَّذِي وَفَّى
“และอิบรอฮีม ผู้ซึ่งปฎิบัติตามพันธสัญญาอย่างครบถ้วน” ซูเราะห์ อันนัญมุ อายะห์ที่ 37
มูฮัมหมัด บิน อิสฮาก รายงานว่า จาก มูฮัมหมัด อิบนุ อบี มูฮัมหมัด จาก สะอี๊ด หรือ อิกริมะห์ จาก อิบนิ อับบาส ได้กล่าวว่า เรื่องราวที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทดสอบ นบีอิบรอฮีม แล้วท่านก็ผ่านบททดสอบนี้ไปได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ก็คือ เมื่อพระองค์อัลลอฮ์ทรงบัญชาให้ปลีกตัวออกจากกลุ่มชนของท่าน ท่านก็ปฏิบัติตามโดยไม่ลังเล , การโต้แย้งและคัดค้านบนสัจธรรมกับกษัตริย์ นัมรูซ โดยไม่เกรงอันตราย, มีความอดทนที่สุดขณะที่ท่านถูกโยนเข้าไปในกองไฟ, การอพยพออกจากถิ่นฐานตามพระบัญชาของอัลลอฮ์, ความเสียสละส่วนตัวและทรัพย์สินในการต้อนรับแขก, และยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งที่ใช้ให้เชือดลูกของตัวเอง แต่ท่านก็ผ่านบททดสอบเหล่านี้ได้อย่างครบถ้วน พระองค์อัลลอฮ์จึงกล่าวว่า
وَإذْ قَالَ لَهُ رَبُّهُ أسْلِمْ قَالَ أسْلَمْتُ لِرَبِّ العَالَمِيْنَ
“และจงรำลึกถึงขณะที่องค์อภิบาลของเขาได้กล่าวแก่เขาว่า เจ้าจงสวามิภักดิ์เถิด เขากล่าวว่า ข้าได้สวามิภักดิ์แด่องค์อภิบาลแห่งโลกทั้งผองแล้ว” ซูเราะห์ อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 131
ถ้อยคำที่ว่า (แล้วเขาก็ทำได้ครบถ้วน) คือ เขาปฏิบัติทั้งหมดตามที่ถูกใช้ ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า
وَإبْرَاهِيْمَ الَّذِي وَفَّى
“และอิบรอฮีม ผู้ซึ่งปฎิบัติตามพันธสัญญาอย่างครบถ้วน” ซูเราะห์ อันนัญมุ อายะห์ที่ 37
คือครบถ้วนในสิ่งที่ถูกบัญญัติให้แก่ท่าน, ท่านก็ปฏิบัติโดยไม่บกพร่อง ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า
إنَّ إبْرَاهِيْمَ كَانَ أُمَّةً قَانِتاً للهِ حَنِيْفاً وَلَمْ يَكُ مِنَ الْمُشْرِكِيْنَ شَاكِراً لأنْعُمِهِ اجْتَبَاهُ وَهَدَاهُ إلَى صِرَاطٍ مُسْتَقِيْمٍ وَآتَيْنَاهُ فِي الدُنْيَا حَسَنَةً وَإنَّهُ فِي الآخِرَةِ لَمِنَ الصَّالِحِيْنَ ثُمَّ أوْحَيْنَا إلَيْكَ أنِ اتَّبِعْ مِلَّةَ إبْرَاهِيْمَ حَنِيْفاً وَمَا كَانَ مِنَ المُشْرِكِيْنَ
“แท้จริงอิบรอฮีมนั้นเป็นประชาชาติผู้ภักดี เป็นผู้แสวงหาสัจธรรม และเขาไม่เคยเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ตั้งภาคี เขาเป็นผู้ที่รู้คุณต่อความเมตตาที่พระองค์ทรงมีต่อเขา พระองค์ทรงเลือกเขาและทรงชี้นำเขาสู่ทางอันเที่ยงตรง และเราได้ความดีแก่เขาในโลกนี้ และในโลกหน้านั้นเขาก็อยู่ในหมู่คนดีทั้งหลาย ต่อมาเราได้วะฮีย์แก่เจ้าว่าจงปฏิบัติตามศาสนาของอิบรอฮีม ผู้ไขว่คว้าสัจธรรม และเขามิได้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ตั้งภาคี” ซูเราะห์ อันนะฮล์ อายะห์ที่ 120-123
قُلْ إنِّي هَدَانِي رَبِّي إلَى صِرَاطٍ مُسْتَقِيْمٍ دِيْناً قِيَماً مِلَّةَ إبْرَاهِيْمَ حَنِيْفاً وَمَا كَانَ مِنَ الْمُشْرِكِيْنَ
“จงกล่าวเถิดมูฮัมหมัด แท้จริงฉันนั้น องค์อภิบาลของฉันได้ชี้นำแก่ฉันสู่ทางที่เที่ยงตรง เป็นศาสนาที่เที่ยงธรรม เป็นวิถีทางของอิบรอฮีมผู้แสวงหาสัจธรรม และเขาก็มิได้เป็นหนึ่งในหมู่ผู้ตั้งภาคี” ซูเราะห์ อัลอันอาม อายะห์ที่ 161
ถ้อยคำที่ว่า (แท้จริงข้าจะให้เจ้าเป็นผู้นำแห่งมนุษย์ชาติ เขากล่าวว่า และจากลูกหลานของของข้าด้วย พระองค์กล่าวว่า สัญญาของข้านั้นจะไม่ได้รับแก่บรรดาผู้อธรรม) หลังจากที่ท่านนบีอิบรอฮีมได้ผ่านบททดสอบอย่างครบถ้วนแล้ว พระองค์อัลลอฮ์จึงทรงแต่งตั้งให้ท่านเป็นนบี โดยข้อความของอายะห์นี้ระบุไว้ด้วยคำว่า “อิหม่าม” ซึ่งท่านนบี อิบรอฮีม ก็ขอต่อพระองค์อัลลอฮ์ให้ลูกหลานของท่านได้รับสถานะนี้ด้วย
จากข้อความของอายะห์นี้ บรรดาเหล่าชีอะห์ อิหม่ามสิบสอง ได้ใช้แอบอ้างเป็นหลักฐานว่า ตำแหน่งอิหม่ามนั้นคือ ตำแหน่งที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงแต่งตั้ง แล้วพวกเขาลากโยงไปสู่ตำแหน่งอิหม่ามของพวกเขา แต่โดยความเป็นจริงแล้ว ข้ออ้างของพวกเขาเป็นการบิดเบือนวัตถุประสงค์และเป้าหมายของอายะห์นี้ เพราะพระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า
وَاذْكُرْ فِي الْكِتَابِ إبْرَاهِيْمَ إنَّهُ كَانَ صِدِّيْقاً وَنَبِيًّا
“และจงรำลึกถึงเรื่องราวของอิบรอฮีมที่ถูกระบุในคัมภีร์ แท้จริงเขาเป็นผู้สัจจริงและเป็นนบี” ซูเราะห์ มัรยำ อายะห์ที่ 41
การเป็นผู้นำของอิบรอฮีมคือการดำรงสถานะเป็นนบีของอัลลอฮ์ ด้วยข้อความในอายะห์ข้างต้นได้ระบุชื่อ (อิบรอฮีม) และตำแหน่ง (นบี) ไว้พร้อมสรรพ ที่ไม่อาจปฏิเสธและเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้
ขณะเดียวกัน ท่านนบีอิบรอฮีมก็ขอต่ออัลลอฮ์ให้ลูกหลานของท่านได้รับสถานการณ์เป็นนบีเหมือนอย่างที่ท่านได้รับด้วย ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ทรงตอบรับคำวิงวอนนี้
พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า
وَجَعَلْنَا فِي ذُرِّيَّتِهِ النُبُوَّة وَالْكِتَابَ
“และเราได้ให้การเป็นนบีและคัมภีร์แก่ลูกหลานของเขา” ซูเราะห์ อัลอังกะบูต อายะห์ที่ 27
ดังนั้นคำว่า “อิหม่าม” ที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวถึงก็คือการเป็นนบี ที่พระองค์ทรงมอบให้ทั้งตัวของท่านนบีอิบรอฮีมเอง และบรรดาลูกหลานของท่าน และเมื่อพระองค์อัลลอฮ์ทรงแต่งตั้งให้ลูกหลานของท่านเป็นนบี พระองค์ก็ทรงระบุชื่อพร้อมกับตำแหน่งไว้พร้อมสรรพ ตัวอย่างเช่น
إسْحَاقَ وَيَعْقُوْبَ وَكُلاًّ جَعَلْنَا نَبِيًّا
“อิสฮากและยะอ์กู๊บ แต่ละคนนั้นเราได้แต่งตั้งให้เป็นนบี” ซูเราะห์ มัรยำ อายะห์ที่ 49
وَاذْكُرْ فِي الْكِتَابِ مُوْسَى إنَّهُ كَانَ مُخْلِصاً وَكاَنَ رَسُوْلاً نَبِيًّا
“และจงรำลึกถึงเรื่องราวของมูซาที่ถูกระบุในคัมภีร์ แท้จริงเขาเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก และเขาเป็นรอซูล เป็นนบี” ซูเราะห์ มัรยำ อายะห์ที่ 51
وَاذْكُرْ فِي الْكِتَابِ إسْمَاعِيْلَ إنَّهُ كاَنَ صَادِقَ الوَعْدِ وَكاَنَ رَسُوْلاً نَبِيًّا
“และจงรำลึกถึงเรื่องราวของอิสมาอีลที่ถูกระบุอยู่ในคัมภีร์ แท้จริงเขาเป็นผู้ซื่อสัตย์ต่อสัญญา และเขาเป็นรอซูล เป็นนบี” ซูเราะห์มัรยำ อายะห์ที่ 54
وَاذْكُرْ فِي الْكِتَابِ إدْرِيْسَ إنَّهُ كاَنَ صِدِّيْقاً نَبِيًّا
“และจงรำลึกถึงเรื่องราวของอิดรีสที่ถูกระบุในคัมภีร์ แท้จริงเขาเป็นผู้สัจจริง เป็นนบี” ซูเราะห์ มัรยำ อายะห์ที่ 56
อัลกุรอานในหลายอายะห์ที่กล่าวมานี้ทำให้เราทราบว่า การที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงแต่งตั้งให้ท่านนบีอิบรอฮีม และลูกหลานของท่านเป็นอิหม่ามนั้น คือ การแต่งตั้งให้เป็นนบี แต่หากชีอะห์อิหม่ามสิบสองยังคงยืนกรานเอาอายะห์นี้ไปเป็นหลักฐานยืนยันสถานะอิหม่ามของพวกเขา ก็เท่ากับพวกเขาได้ประกาศว่า อิหม่ามของพวกเขาเป็นนบีด้วย ขออัลลอฮ์ทรงคุ้มครองผู้ศรัทธาให้พ้นจากการมุสานี้ด้วยเถิด
ถ้อยคำที่ว่า (สัญญาของข้านั้นจะไม่ได้รับแก่บรรดาผู้อธรรม) อิบนุ กะษีร กล่าวว่า บรรดานักวิชาการมีมุมมองที่ต่างกันในการอธิบายข้อความของอายะห์นี้
มุญาฮิด กล่าวว่า คือในหมู่ลูกหลานของเจ้าจะมีผู้ที่อธรรม
อิบนุ อบี นะญิฮ์ กล่าวว่า จาก มุญาฮิด ได้อธิยายข้อความที่ว่า (สัญญาของข้านั้นจะไม่ได้รับแก่บรรดาผู้อธรรม) เขากล่าวว่า จะไม่มีอิหม่ามที่อธรรมสำหรับฉัน และในอีกรายงานหนึ่ง เขากล่าวว่า ฉันจะไม่ทำให้อิหม่ามที่อธรรมนั้นถูกปฏิบัติตาม
ซุฟยาน กล่าวว่า จาก มันซูร จาก มุญาฮิด ในการอธิบายข้อความที่ว่า (สัญญาของข้านั้นจะไม่ได้รับแก่บรรดาผู้อธรรม) เขากล่าวว่า อิหม่ามที่อธรรมนั้นจะไม่ถูกปฏิบัติตาม
อิบนุ อบีฮาติม กล่าวว่า พ่อของฉันเล่าให้ฉันฟังว่า มาลิก บิน อิสมาอีล เล่าให้เราฟังว่า ซะรีก เล่าให้เราฟังจาก มันซูร จาก มุญาฮิด ในข้อความที่ว่า (และจากลูกหลานของข้าด้วย) เขากล่าวว่า หากผู้ใดในหมู่พวกเขาเป็นคนดีข้าก็จะให้เขาเป็นอิหม่ามและถูกปฏิบัติตาม ส่วนผู้ใดในหมู่พวกเขาเป็นผู้อธรรมก็จะไม่เป็นอิหม่าม และไม่อยู่ในสายตา
สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ กล่าวว่า ถ้อยคำที่ว่า (สัญญาของข้านั้นจะไม่ได้รับแก่บรรดาผู้อธรรม) หมายถึง ผู้ตั้งภาคี เพราะฉะนั้นถ้อยคำที่ว่า ผู้อธรรมจะไม่ได้เป็นผู้นำ หมายถึง ผู้ตั้งภาคีจะไม่ได้เป็นผู้นำ (คือจะไม่ถูกคัดเลือกให้เป็นผู้นำ)
อิบนุ ญุรอยจญ์ กล่าวว่า จาก อะฏออ์ กล่าวว่า (แท้จริงข้าจะให้เจ้าเป็นผู้นำแห่งมนุษย์ชาติ เขากล่าวว่า และจากลูกหลานของของข้าด้วย) คือพระองค์ทรงปฏิเสธที่จะทำให้ลูกหลานของเขาเป็นอิหม่ามที่อธรรม และฉันกล่าวแก่ อะฏออ์ ว่า อะไรคือสัญญาของอัลลอฮ์หรือ เขาตอบว่า คือบัญชาของพระองค์
ท่านฮาฟิซ อบูบักร์ อิบนุ มัรดุวิฮ์ กล่าวว่า อับดุรเราะห์มาน บิน มูฮัมหมัด บิน ฮามิด เล่าให้เราฟังว่า อะห์หมัด อิบนุ อับดิลลาฮ์ บิน สะอี๊ด อัลอะซะดีย์ เล่าให้เราฟังว่า ซุลัยม์ บิน สะอี๊ด อัลดามฆอนีย์ เล่าให้เราฟังว่า วะเกียะอ์ เล่าให้เราฟังว่า จาก อะอ์มัช จาก สะอ์ด บิน อุบัยดะห์ จาก อบี อับดิรเราะห์มาน อัสซิลมีย์ จาก อาลี อิบนิ อบี ฏอลิบ จากท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า (สัญญาของข้านั้นจะไม่ได้รับแก่บรรดาผู้อธรรม) ท่านกล่าวว่า
لاَ طَاعَةَ إلاَّ فِي الْمَعْرُوْفِ
“ไม่มีการภักดีใดๆนอกจากที่เป็นความดีงามเท่านั้น” ศอเฮียะห์ บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 6612
อัสซุดดีย์ กล่าวว่า (สัญญาของข้านั้นจะไม่ได้รับแก่บรรดาผู้อธรรม) คำว่า สัญญาของข้าในที่นี้คือ ตำแหน่งนบีของข้า
กล่าวได้ว่า ลูกหลานของนบีอิบรอฮีมที่อธรรมนั้น จะไม่ถูกแต่งตั้งให้เป็นนบีหรือรอซูลของอัลลอฮ์ หรืออีกนัยหนึ่งคือ ไม่มีนบีหรือรอซูลของอัลลอฮ์คนใดที่มีความอธรรม
อิบนุ กะษีร กล่าวสรุปว่า : ถ้อยคำของนักอธิบายอัลกุรอานที่เป็นชาวสะลัฟเกี่ยวกับอายะห์นี้ ก็คือ สิ่งที่ อิบนุ ญะรีร และ อิบนุ อบีฮาติม ถ่ายทอดให้ทราบ และ อิบนุ ญะรีร ได้เลือกที่จะอธิบายว่า อายะห์นี้หากพิจารณาตามข้อความที่ปรากฏ ก็จะหมายถึง ผู้ที่อธรรมนั้นจะไม่ได้สัญญาของอัลลอฮ์ในตำแหน่งอิหม่าม และในอายะห์เป็นการแจ้งจากพระองค์อัลลอฮ์แก่ นบีอิบรอฮีม ว่า จะได้พบว่าในลูกหลานของท่านนั้นยังมีผู้ที่อธรรมต่อตัวเอง ดังที่ได้กล่าวมาแล้วจากการอธิบายของ มุญาฮิด และคนอื่นๆ
อิบนุ คุวัยซ์ มินดาด อัลมาลิกี กล่าวว่า ผู้อธรรมนั้นไม่เหมาะที่ดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์, ผู้พิพากษา, ผู้ชี้ขาดปัญหา หรือแม้แต่เป็นผู้รายงานฮะดีษ (ตัฟซีร อิบนิ กะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 362-364)