ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 39


وَالَّذِيْنَ كَفَرُوا كَذَّبُوا بِآيَاتِنَا أوْلَئِكَ أصْحَابُ النَّارِ هُمْ فِيْهَا خَالِدُوْنَ


บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และไม่เชื่อบรรดาโองการต่างๆของเรา พวกเหล่านี้แหละคือสหายของไฟนรก พวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดกาล


หลังจากที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวถึงทางนำ และผู้เจริญรอยตามทางนำในอายะห์ก่อนหน้านี้แล้ว พระองค์ก็ทรงกล่าวถึงบรรดาผู้ปฏิเสธทางนำไว้ในอายะห์นี้เป็นการเฉพาะว่า (บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และไม่เชื่อบรรดาโองการต่างๆของเรา) หมายถึงคนที่รู้แล้วแต่ไม่เชื่อและปฏิเสธ รวมถึงบรรดาผู้กลับกลอกทางด้านการศรัทธาด้วย
พระองค์อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า

وَمَنْ أعْرَضَ عَنْ ذِكْرِي فَإنَّ لَهُ مَعِيْشَةً ضَنْكاً وَنَحْشُرُهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ أعْمَى


“และผู้ใดที่ผินหลังจากการรำลึกถึงข้า แท้จริงสำหรับเขาคือการมีชีวิตอย่างแร้นแค้น และเราจะให้เขาฟื้นขึ้นมาในวันกิยามะห์ในสภาพคนตาบอด” ซูเราะห์ ตอฮา อายะห์ที่ 124

بَشِّرِ الْمُنَافِقِيْنَ بِأنَّ لَهُمْ عَذَاباً أَلِيْماً

“จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้กลับกลอกการศรัทธาว่า สำหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บแสบ” ซูเราะห์ อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 138


إنَّ الْمُنَافِقِيْنَ فِي الدَّرْكِ الأسْفَلِ مِّنَ النَّارِ وَلَنْ تَجِدَ لَهُمْ نَصِيْراً

“แท้จริงบรรดาผู้กลับกลอกการศรัทธานั้นอยู่ในชั้นต่ำสุดของไฟนรก และเจ้าจะไม่พบว่าพวกเขามีผู้ให้ความช่วยเหลือ” ซูเราะห์ อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 145


เหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการที่พวกเขาดื้อดึงและปฏิเสธสัจธรรมที่พวกเขาประจักษ์ ส่วนในตัฟซีร อัลกุรตุบีย์ ได้อธิบายว่า คำว่า “ปฏิเสธศรัทธา” นี้หมายรวมถึงการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ด้วย คือ บรรดาผู้ที่ยอมรับในการเป็นพระเจ้าของอัลลอฮ์ ขณะเดียวกันพวกเขาก็สักการะ,บูชาสิ่งอื่นควบคู่กันไป

พระองค์อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า (พวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดกาล) คือ ถูกทรมานอย่างต่อเนื่องและไม่สิ้นสุด ดังที่พระองค์ทรงกล่าวว่า

لاَبِثِيْنَ فِيْهَا أحْقاَباً لاَ يَذُوْقُوْنَ فِيْهَا بَرْداَ وَلاَ شَراَباً إلاَّ حَمِيْماً وَغَسَّاقاً


“พวกเขาจะพำนักอยู่ในนรกอย่างต่อเนื่องยาวนาน จะไม่ได้ลิ้มรสความเย็นและเครื่องดื่มใดๆ ในนรกนั้น นอกจาก นอกจากน้ำที่ร้อนจัดและน้ำเลือดน้ำหนองเท่านั้น” ซูเราะห์ อันนะบะอ์ อายะห์ที่ 23 -25

ใน “ญามิอุ้ลบะยาน” ของ อิบนุญะรีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 248 ได้นำเอาฮะดีษมาระบุไว้ว่า

อบี สะอี๊ด อัลคุดรีย์ รายงานว่า ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

أمَّا أهْلُ النَّارِ الَّذِيْنَ هُمْ أهْلُهَا فَإنَّهُمْ لاَ يَمُوْتُوْنَ فِيْهَا وَلاَ يَحْيَوْنَ لكِنْ أقْواماً أصَابَتْهُمُ النَّارُ بِخَطَايَاهُمْ أوْ بِذُنُوْبِهِمْ فَأَماَتَهُمْ إمَاتَةً حَتَّى إذَا صَارُوا فَحْماً أُذِنَ فِي الشَّفَاعَةِ


“สำหรับชาวนรกนั้นคือบรรดาผู้ที่พวกเขาถูกตัดสินให้ลงนรก โดยพวกเขาจะไม่ตายและก็จะไม่มีชีวิตถาวร แต่คนกลุ่มหนึ่งที่ไฟนรกจะทำให้เขาทนทุกข์ทรมานจากบาปของพวกเขา” หรือเขากล่าวว่า ด้วยกับความผิดของพวกเขา “แล้วพวกเขาก็จะตายไประยะหนึ่งจนกลายเป็นเถ้าถ่านหลังจากนั้นพวกเขาก็จะได้รับอนุมัติด้วยซะฟาอะห์ (การขอความช่วยเหลือ)” ศอเฮียะห์ มุสลิม ฮะดีษเลขที่ 271

แต่ อิบนุ ญะรีร ก็ไม่ได้อธิบายรายละเอียดของฮะดีษบทนี้ไว้ แต่น่าจะเป็นการนำมาขยายผลให้เห็นถึงสภาพของผู้ถูกทรมานในนรกมากกว่าที่จะชี้ประเด็นเรื่องการได้รับชะฟาอะห์ของชาวนรก วัลลอฮุอะอ์ลัม