ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 62
إنَّ الَّذِيْنَ آمَنُوا وَالَّذِيْنَ هَادُوا وَالنَّصَارَى وَالصَّابِئِيْنَ مَنْ آمَنَ بِاللهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ وَعَمِلَ صَالِحاً فَلَهُمْ أجْرُهُمْ عِنْدَ رَبِّهِمْ وَلاَ خَوْفٌ عَلَيْهِمْ وَلاَ هُمْ يَحْزَنُوْنَ
แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้เป็นยะฮูด บรรดาผู้เป็นนะศอรอ และบรรดาศอบิอีนนั้น ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันอาคิเราะห์ อีกทั้งประกอบความดี พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ.องค์อภิบาลของพวกเขา โดยไม่มีความกลัวใดๆแก่พวกเขา และพวกเขาก็จะไม่เสียใจ
สาเหตุของการประทานอายะห์นี้
อิบนุ อบี ฮาติม ได้กล่าวว่า พ่อของฉันเล่าให้ฟังว่า อิบนุ อบีอุมัร อัลอะดีนีย์ เล่าให้เราฟังว่า ซุฟยาน เล่าให้เราฟัง จาก อิบนุ อบีนะญิฮ์ จาก มุญาฮิด กล่าวว่า ซัลมาน (อัลฟาริซีย์) ได้กล่าวว่า ฉันเคยถามท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เกี่ยวกับบรรดาผู้ถือศาสนา (พวกบูชาไฟ) ที่ฉันเคยอยู่รวมกับพวกเขา โดยฉันได้เล่าให้ท่านฟังเกี่ยวกับการขอพรและการสักการะของพวกเขา แล้วพระองค์อัลลอฮ์ก็ทรงประทานอายะห์นี้ลงมาว่า (แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้เป็นยะฮูด บรรดาผู้เป็นนะศอรอ และบรรดาศอบิอีนนั้น ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันอาคิเราะห์) จนกระทั่งจบอายะห์
อัสซุดดีย์ กล่าวว่า (แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้เป็นยะฮูด บรรดาผู้เป็นนะศอรอ และบรรดาศอบิอีนนั้น ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันอาคิเราะห์.....) ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับพรรคพวกของซัลมาน อัลฟาริซีย์ ขณะที่เขากำลังสนทนากับท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และได้เล่าให้ท่านนบีฟังเกี่ยวกับพรรคพวกของเขา โดยกล่าวว่า พวกเขาถือศีลอด,ละหมาด,และศรัทธาต่อท่าน และพวกเขาก็ยืนยันว่าท่านจะถูกแต่งตั้งมาเป็นนบี หลังจากที่ซัลมานได้หยุดกล่าวยกย่องและชื่นชมต่อพวกเขา ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก็กล่าวแก่เขาว่า โอ้ซัลมานเอ๋ย พวกเขาคือชาวนรก แต่ซัลมานก็ยังคงกล่าวเรื่องราวของพวกเขา ดังนั้นพระองค์อัลลอฮ์ จึงได้ทรงประทานอายะห์นี้มา (ดอกเตอร์ ซัยยิด มูฮัมหมัด ซัยยิด และคณะ ซึ่งเป็นผู้ตรวจทานตัฟซีร อิบนิ กะษีร ได้ชี้แจงว่า เราได้กล่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ตัฟซีร อัสซุดดีย์ นั้นไม่ถูกต้องโดยเฉพาะ ฮะดีษที่อ้างถึงท่านนบี เกี่ยวกับสาเหตุของการประทานอายะห์)
ศรัทธาของเหล่ายะฮูด คือผู้ที่ยึดถือคัมภีร์อัตเตารอตและซุนนะห์ของนบีมูซา อลัยฮิสสลาม จนกระทั่งพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงแต่งตั้งนบีอีซามา แต่พวกเขาก็ยังคงยึดถือคัมภีร์อัตเตารอตและซุนนะห์ของนบีมูซา โดยไม่ยอมละเลิกการยึดถือและไม่ปฏิบัติตามนบีอีซา ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้ที่หายนะ
ศรัทธาของพวกนะศอรอ คือผู้ที่ยึดถือคัมภีร์อินญีล และบทบัญญัติที่นบีอีซานำมาประกาศ จนกระทั่งพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงแต่งตั้งท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ดังนั้นผู้ใดไม่ปฏิบัติตามท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และละทิ้งการดำเนินตามซุนนะห์ของนบีอีซาและอินญีล ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้หายนะ
อิบนุ อบี ฮาติม กล่าวว่า ถูกรายงานจาก สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ ในทำนองนี้เช่นเดียวกัน
อิบนุ กะษีร กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ค้านกันกับสิ่งที่ถูกรายงานมาจาก อาลี อิบนุ อบีฏอลฮะห์ จาก อิบนิ อับบาส ในอายะห์ที่ว่า (แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้เป็นยะฮูด บรรดาผู้เป็นนะศอรอ และบรรดาศอบิอีนนั้น ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันอาคิเราะห์.....) แล้วพระองค์อัลลอฮ์ก็ทรงประทานอายะห์มาหลังจากนี้ว่า
وَمَنْ يَبْتَغِ غَيْرَ الإسْلاَمِ دِيْناً فَلَنْ يُقْبَلَ مِنْهُ وَهُوَ فِي الآخِرَةِ مِنَ الْخَاسِرِيْنَ
“และผู้ใดที่แสวงหาสิ่งอื่นนอกเหนือจากอิสลามเป็นศาสนา มันก็จะไม่ถูกตอบรับจากเขา และในอาคิเราะห์นั้นเขาก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ขาดทุน” ซูเราะห์ อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 85
ในสิ่งที่ อิบนิ อับบาส ได้กล่าวไว้นี้เป็นการบอกว่า แนวทางใดหรือการกระทำใดจะไม่ถูกตอบรับนอกจากสิ่งนั้นสอดคล้องกับบทบัญญัติของมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม หลังจากที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงแต่งตั้งท่านมาและสิ่งที่ท่านได้นำมาประกาศ แต่ถ้าเป็นช่วงระยะเวลาก่อนที่ท่านนบีมูฮัมหมัดจะถูกแต่งตั้งมา และบรรดาผู้คนได้ปฏิบัติตามรอซูลในยุคนั้น ก็ถือว่าเขาอยู่ในทางนำและเป็นแนวทางที่ปลอดภัย” ตัฟซีร อิบนิ กะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 147-148
ถ้อยคำที่ว่า (และบรรดาผู้เป็นยะฮูด บรรดาผู้เป็นนะศอรอ และบรรดาศอบิอีน) ก่อนหน้านี้ เราได้กล่าวถึงเชื้อสายวงศ์วานของนบียะอ์กู๊บ อลัยฮิสสลาม ที่ถูกเรียกรวมว่า บนีอิสรออีล (ดูคำอธิบายในซูเราะห์นี้ อายะห์ที่ 40)
พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า
لَقَدْ أخَذْنَا مِيْثَاقَ بَنِي إسْرَائِيْلَ وَأرْسَلْنَا إلَيْهِمْ رُسُلاً
“และเราได้ให้เป็นพันธสัญญาแก่วงศ์วานของอิสรออีล และเราได้ส่งบรรดารอซูลมายังพวกเขา” ซูเราะห์ อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 70
บนีอิสรออีล หรือเชื้อสายวงศ์วานของนบี ยะอ์กู๊บ นั้นแตกเหล่าเป็นสองกลุ่มด้วยกัน คือ ยะฮูด และ นอศอรอ
ยะฮูด หรือชาวยิว คือกลุ่มชนที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงแต่งตั้งนบีมูซา อลัยฮิสสลาม มาประกาศอิสลาม และได้ทรงประทานคัมภีร์อัตเตารอต ฉะนั้นชนชาวยะฮูดจึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่ง “อะห์ลุ้ตเตารอต”
คำว่า “ยะฮูด” นั้นนักวิชาการบางท่านกล่าวว่า มีรากศัพท์ที่มีความหมายเดียวกับคำว่า “เตาบะห์” แปลว่า สำนึกผิด ดังเช่นคำของท่านนบี มูซา อลัยฮิสสลามที่กล่าวว่า
إنَّا هُدْنَا إلَيْكَ
“แท้จริงพวกเราสำนึกผิดต่อพระองค์” ซูเราะห์ อัลอะอ์รอฟ อายะห์ที่ 156
นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า มีที่มาจากคำว่า يهوذا ซึ่งเป็นชื่อบุตรชายคนโตของนบียะอ์กู๊บ อลัยฮิสสลาม แล้วเรียกเพี้ยนเป็น “ยะฮูด”
คำว่า “นะศอรอ” หรือ ชาวคริสเตียน คือกลุ่มชนที่พระองค์อัลลอฮ์ทรงแต่งตั้งนบีอีซา มาประกาศอิสลาม และได้ทรงประทานคัมภีร์อินญีล ฉะนั้นชาวนะศอรอจึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “อะห์ลุ้ลอินญีล”
“นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า คำว่า “นะศอรอ” มีความหมายว่า ผู้ที่ให้การสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือ ดังเช่นพระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวถึงถ้อยคำของนบีอีซาว่า
مَنْ أنْصَارِي إلَى اللهِ قَالَ الْحَوَارِيُّوْنَ نَحْنُ أنْصَارُ اللهِ
“ผู้ใดจะเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือฉันไปสู่อัลลอฮ์ บรรดาผู้ที่ให้การสนับสนุนกล่าวว่า พวกเราเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลืออัลลอฮ์” ซูเราะห์ อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 52
แต่นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า คำว่านะศอรอ มีที่มาจากคำว่า ناصرة ซึ่งเป็นชื่อเมือง (อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ในปัจจุบัน) ที่พวกเขาเดินทางมาแวะพักที่เมืองนี้มาก่อนแล้ว ซึ่งท่านก่อตาดะห์ และ อิบนุ ญุรอยจญ์ ได้กล่าวไว้เช่นนี้ และถูกรายงานจากอิบนิ อับบาส ไว้ในทำนองนี้เช่นเดียวกัน” ตัฟซีร อิบนิ กะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 148
ส่วนคำว่า “ศอบีอีน” เป็นคำพหูพจน์มีรากศัพท์มาจากคำว่า ศ่อบ่าอ้า แปลว่า ย้ายหรือเคลื่อนที่ เช่นเมื่อดวงดาวขึ้น คนอาหรับก็จะกล่าวว่า
صَبَأَتِ الْنُجُوْمُ إذَا طَلَعَت
“ดวงดาวเคลื่อนที่ (ศ่อบ่าอ้า) เมื่อมันขึ้น”
แต่โดยส่วนมากแล้ว คำนี้จะถูกนำมาใช้กับคนที่เปลี่ยนศาสนา ไม่ว่าจะย้ายจากศาสนาใดไปสู่ศาสนาใดก็ตาม เช่นคนที่ตกมุรตัดสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิมไปสู่ศาสนาอื่น หรือคนที่ย้ายจากศาสนาอื่นมาสู่อิสลาม ก็เรียกว่า ศอบิอูน หรือ ศอบีอีน เช่นเดียวกัน (ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 318-319)
หรืออย่างเช่นชาวกุรอยซ์มักกะห์ ได้เรียกท่านนบีมูฮัมหมัดว่า อัศศอบีย์ หมายถึงท่านออกจากศาสนาของชาวกุรอยซ์ไปสู่อิสลาม (ลิซานุ้ลอาหรับ เล่มที่ 4 หน้าที่ 2385)
ท่านอบูอิสฮาก อัซซะญาจญ์ ได้กล่าวว่า ศอบีอีน ก็คือ ผู้ที่ออกจากศาสนาหนึ่งไปสู่อีกศาสนาหนึ่ง (ลิซานุ้ลอาหรับ เล่มที่ 4 หน้าที่ 2385)
ที่กล่าวมานี้เป็นการอธิบายความหมายทางภาษาเท่านั้น แต่ใครจะเปลี่ยนจากศาสนาใดไปสู่ศาสนาไหน ก็ต้องดูเรื่องราวที่มาของคำกล่าวนั้นด้วย
ดังเช่นอัลกุรอานในอายะห์นี้ พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวถึง ศอบีอีน คือพวกที่ย้ายศาสนาหรือพวกนอกศาสนา และหมายถึงชาวยะฮูดและชาวนะศอรอที่ย้ายออกศาสนาของพวกเขา โดยผสานความเชื่อคนศาสนาอื่นไว้ด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้มีนักอธิบายอัลกุรอานหลายท่านได้วิจารณ์ไว้มากมาย แต่จะนำมากล่าว ณ.ที่นี้พอสังเขป
“ศอบิอูน คือคนกลุ่มหนึ่งระหว่างนะศอรอกับพวกบูชาไฟ พวกเขาไม่มีศาสนา ซึ่งเป็นคำกล่าวของ มุญาฮิด และเขายังได้กล่าวต่อไปอีกว่า คือกลุ่มชนที่อยู่ระหว่างยะฮูด กับ พวกบูชาไฟ
สะอี๊ด บิน ญุบัยร์ กล่าวว่า พวกเขาอยู่ระหว่างยะฮูดกับนะศอรอ ส่วนท่านฮะซัน กล่าวว่า พวกเขาเหมือนดังพวกบูชาไฟ
แต่ท่าน ก่อตาดะห์ บอกว่า พวกเขาคือกลุ่มชนที่สักการะต่อบรรดามะลาอิกะห์ และหันทางกิบละห์อื่น และพวกเขาอ่านคัมภีร์ซะบูร ส่วน วะฮบ์ บินมุนับบะห์ กล่าวว่า พวกเขาคือกลุ่มชนที่รู้จักอัลลอฮ์เพียงอย่างเดียว พวกเขาไม่มีข้อบัญญัติใดๆที่จะยึดถือปฏิบัติ” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 3 หน้าที่ 147
รายงานจาก ซุฟยาน จาก ลัยซ์ จาก มุญาฮิด กล่าวว่า อัศศอบีอูน ก็คือกลุ่มชนที่ไม่ใช่ทั้งยะฮูดีและนัศรอนี พวกเขาไม่มีศาสนา
อีกสายรายงานหนึ่งจาก อันบะซะห์ จาก ฮัจญาจญ์ จาก มุญาฮิด กล่าวว่า ศอบิอูนนั้นอยู่ระหว่างยะฮูด กับพวกบูชาไฟ อย่าได้กินสัตว์เชือดของพวกเขา และอย่าได้แต่งงานกับผู้หญิงของเขา
รายงานจาก อบูอาเซ็ม จาก อีซา จาก อิบนุ อบีนะญิฮ์ กล่าวว่า ศอบีอีนนั้นอยู่ระหว่างยะฮูดและพวกบูชาไฟ พวกเขาไม่มีศาสนา
รายงานจาก ฮัจญาจญ์ จาก อิบนิ ญุรอยญ์ จาก มุญาฮิด กล่าวว่า ศอบีอีนนั้นอยู่ระหว่างพวกบูชาไฟ กับยะฮูด พวกเขาไม่มีศาสนา
อิบนุ ญุรอยญ์ กล่าวว่า ฉันได้กล่าวแก่ อะฏออ์ ว่า พวกศอบีอีนได้อ้างว่า พวกเขาคือชนเมืองเหมือนอย่างชนกลุ่มอื่น พวกเขาไม่ใช่พวกบูชาไฟ ไม่ใช่ยะฮูด และไม่ใช่นะศอรอ เขากล่าวว่า ฉันก็ได้ยินมาเช่นนั้นเหมือนกัน ที่แน่ๆ ก็คือบรรดามุชรีกีนได้กล่าวแก่ท่านนบีว่า ท่านย้ายศาสนา” ตัฟซีร อัตฏอบะรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 319
“มีความเห็นแตกต่างกันในคำว่า “ศอบีอีน” อัสซุดดีย์ กล่าวว่า พวกเขาคือกลุ่มหนึ่งจากอะห์ลุ้ลกิตาบ และ อิสฮาก อิบนุ รอฮวัยฮ์ ก็กล่าวเช่นนั้น โดย อิบนุลมุนซิร และ อิสฮาก กล่าวว่า ไม่เป็นไรที่จะกินสัตว์เชือดของพวกศอบิอูน เพราะพวกเขาก็คือกลุ่มหนึ่งจากอะห์ลุ้ลกิตาบ อบู ฮะนีฟะห์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรที่จะกินสัตว์เชือดของพวกเขา และแต่งงานกับผู้หญิงของพวกเขา
คอลีล กล่าวว่า พวกเขาคือกลุ่มชนที่ศาสนาของพวกเขาคล้ายกับศาสนาของพวกนะศอรอ นอกจากว่า กิบลัตของพวกเขาคือ สถานที่ลมกรรโชกทางทิศใต้ พวกเขาอ้างว่า พวกเขายืนหยัดบนศาสนาของนบีนัวฮ์ อลัยฮิสสลาม
มุญาฮิด และ อัลฮะซัน และ อิบนุ อบีนะญิฮ์ กล่าวว่า พวกเขาคือกลุ่มชนที่ศาสนาของพวกเขาผสมด้วยศาสนาของพวกยะฮูด และศาสนาของพวกบูชาไฟ อย่าได้กินสัตว์เชือดของพวกเขา อิบนุ อับบาส กล่าวว่า อย่าได้แต่งงานกับผู้หญิงของพวกเขา” ตัฟซีร อัลกุรตุบีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 434
ขณะเดียวกันก็ยังมีนักวิชาการบางท่านกล่าวว่า ศอบีอีน คือ บรรดาผู้ซึ่งที่การเรียกร้องของท่านนบียังไปไม่ถึงพวกเขา
ถ้อยคำที่ว่า (ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันอาคิเราะห์ อีกทั้งประกอบความดี พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ.องค์อภิบาลของพวกเขา) คือ ใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นยะฮูด,นะศอรอ,หรือศอบีอีน ที่ย้ายมาจากศาสนาใด หรือมีอะกีดะห์ผสมผสานกับศาสนาใดหรือลัทธิใดก็ตาม หากพวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และเชื่อในเรื่องอาคิเราะห์ อีกทั้งประพฤติและปฏิบัติความดี ตามที่ท่านนบีมูฮัมหมัดได้มาเรียกร้อง รางวัลของเขามี ณ.ที่พระองค์อัลลอฮ์ พระองค์ ทรงกล่าวว่า
قُلْ يَا أهْلَ الْكِتَابِ تَعَالَوا إلَى كَلِمَةٍ سَوَآءٍ بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمْ اَلاَّ نَعْبُدَ إلاَّ اللهَ وَلاَ نُشْرِكَ بِهِ شَيْئاً وَلاَ يَتَّخِذَ بَعْصُنَا بَعْصاً أرْبَاباً مِنْ دُوْنِ اللهِ
“ประกาศเถิดมูฮัมหมัด โอ้ชาวคัมภีร์เอ๋ย จงมาสู่ถ้อยคำที่เท่าเทียมกันระหว่างพวกเรากับพวกท่าน คือการที่เราจะไม่สักการะสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และเราจะไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีต่อพระองค์ และเราก็จะไม่ยึดคนหนึ่งคนใดเป็นพระเจ้านอกจากอัลลอฮ์” ซูเราะห์ อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 64
คำว่า (พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ.องค์อภิบาลของพวกเขา) สำหรับผู้ที่ศรัทธาต่อนบีมูซา และคัมภีร์อัตเตารอต หรือศรัทธาต่อนบีอีซา และคัมภีร์อินญีล อยู่ก่อนแล้ว เมื่อท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้ถูกแต่งตั้งให้ประกาศอิสลามและทรงประทานคัมภีร์อัลกุรอานท่าน พวกเขาก็ศรัทธาต่อท่านนบีมูฮัมหมัดด้วย บุคคลเหล่านี้จะได้รับรางวัลสองเท่า ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ ทรงกล่าวว่า
اَلَّذِيْنَ آتَيْنَا هُمُ الْكِتَابَ مِنْ قَبْلِهِ هُمْ بِهِ يُؤْمِنُوْنَ وَإذَا يُتْلَى عَلَيْهِمْ قَالُوا آمَنَّا بِهِ إنَّهُ الْحَقُّ مِن رَّبِّنَا إنَّا كُنَّا مِنْ قَبْلِهِ مُسْلِمِيْنَ أوْلَئِكَ يُؤْتَوْنَ أجْرَهُمْ مَرَّتَيْنِ
“บรรดาผู้ที่เราประทานคัมภีร์ (เตารอตและอินญีล) ให้แก่พวกเขาก่อนหน้ามัน (อัลกุรอาน) พวกเขาได้ศรัทธาต่อมัน (อัลกุรอาน) ด้วย และเมื่อได้ถูกอ่านแก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า เราศรัทธาต่ออัลกุรอานด้วย แท้จริงมันคือสัจธรรมที่มาจากองค์อภิบาลของเรา และแท้จริงเราได้เป็นผู้น้อมรับมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกเหล่านี้แหละจะได้รับรางวัลสองครั้ง” ซูเราะห์ อัลก่อศ็อด อายะห์ที่ 52-54
ท่านนบี มูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
وَمُؤْمِنُ أَهْلِ الْكِتَابِ الَّذِي كاَنَ مُؤْمِناً ثُمَّ آمَنَ بِالْنَبِيِّ صَلَى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَلَهُ أجْرَانِ
“และผู้ศรัทธาชาวคัมภีร์ ซึ่งเขาคือมุอ์มิน ต่อมาเขาก็ศรัทธาต่อนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เขาได้รางวัลสองเท่า” ศอเฮียะห์ บุคอรี ฮะดีษเลขที่ 2789
แต่น่าเสียดายที่บุคคลที่จะได้รับรางวัลสองเท่านั้นมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ทรงแจ้งให้ทราบว่า
لَوْآمَنَ أهْلُ الْكِتَابِ لِكِانِ خِيْراً لَّهُمْ مِنْهُمُ الْمُؤْمِنُوْنَ وَأكْثَرُهُمُ الْفَاسِقُوْنَ
“และถ้าหากชาวคัมภีร์ได้ศรัทธา มันก็เป็นการดีสำหรับพวกเขา ส่วนหนึ่งจากพวกเขาเป็นผู้ศรัทธา แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นคนชั่ว” ซูเราะห์ อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 110
ถ้อยคำที่ว่า (ไม่มีความกลัวใดๆแก่พวกเขา และพวกเขาก็จะไม่เสียใจ) เป็นที่น่ายินดีว่า บุคคลที่เชื่อมั่นด้วยศรัทธาอย่างถูกต้อง อีกทั้งปฏิบัติคุณงามความดีตามคำสอนของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนน้อยในหมู่บนีอิสรออีล หรือ อะห์ลุ้ลกิตาบนั้น จะไม่มีความกลัวใดๆแก่พวกเขาในอาคิเราะห์และพวกเขาก็จะไม่เสียใจในชีวิตของพวกเขาที่ผ่านพ้นไปในดุนยา พระองค์อัลลอฮ์ทรงกล่าวว่า
ألاَ إنَّ أوْلِيَاءَ اللهِ لاَ خَوْفٌ عَلَيْهِمْ وَلاَ هُمْ يَحْزَنُوْنَ
“พึงทราบเถิดว่า บรรดาผู้ที่เป็นที่รักของอัลลอฮ์นั้น ไม่มีความกลัวใดๆแก่พวกเขา และพวกเขาก็จะไม่เสียใจ”ซูเราะห์ ยูนุส อายะห์ที่ 62
إنَّ الَّذِيْنَ قَالُوا رَبُّنَا اللهُ ثُمَّ اسْتَقَامُوا تَتَنَزَّلُ عَلَيْهِمُ الْمَلاَئِكَةُ ألاَّ تَخَافُوا وَلاَ تَحْزَنُوا وَأبْشِرُوا بِالْجَنَّةِ الَّتِى كُنْتُمْ تُوْعَدُوْنَ
“แท้จริงบรรดาผู้ที่กล่าวว่า อัลลอฮ์คือองค์อภิบาลของเราแล้วพวกเขาก็ยืนหยัดตามที่กล่าว บรรดามะลาอิกะห์จะลงมายังพวกเขา (แล้วกล่าวแก่พวกเขาว่า) พวกท่านอย่ากลัวและอย่าโศกเศร้า แต่จงแจ้งข่าวดีด้วยสวรรค์ที่พวกท่านถูกสัญญาไว้” ซูเราะห์ ฟุศิลัต อายะห์ที่ 30